วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

I don't want it anymore (JayDick/DickJay)




Name: I don’t want it anymore


Paring: JayDick Dickjay


PG: 15+


Warning: Drama


Etc. : ดีซีรายปักษ์หัวข้อ Idol

(คุยกันก่อนอ่านเพื่อปรับความเข้าใจ บางคนอ่านแล้งแบบ เอ มันไอดอลไงว้า ไอดอลในความหมายของเราไม่ได้หมายถึงบุคคลที่เป็นนักร้องค่ะ เป็นบุคคลที่เรายกย่องเป็นแบบอย่าง บุคคลที่น่านับถือ ซึ่งในที่นี้ ดิ๊คก็คือไอดอลของเจสันนั่นเอง หวังว่าจะไม่ผิดนะ5555555555)
…………………………….


เขาสูดลมหายใจรับอากาศในเมืองบลัดเฮฟเว่นเข้าปอดเมื่อเปิดประตูออกมาเพื่อรับลมของเช้าวันใหม่


เจสันทักทายคุณนายแม่หม้ายแก่ข้างบ้านที่ชอบเอาพายบลูเบอร์รี่อบใหม่ๆมาให้เขาเสมอ


เสียงรถยนต์สัญจร เสียงของผู้คนตามทางเดิน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มคุ้นเคยดีและมักพบในทุกๆวัน


ร้านขนมปังยังคงวุ่นวายดังเช่นทุกเช้า
ร้านขายผักสดที่ถูกบรรดาแม่บ้านรุม
ร้านขายปลาที่ส่งกลิ่นคุ้งคาวออกมา
แต่ร้านดอกไม้ในวันนี้โดดเด่นกว่าทุกวัน..


เพราะสีฟ้าของดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่หน้าร้าน


สีฟ้าเข้มนี้ทำให้เจสันนึกถึงใครบางคน..


ชายหนุ่มหยุดยืนมอง ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสที่มักทอปะกรายตลอดเวลาฉายชัดในความทรงจำ
โดยที่ไม่รู้ตัว.. เจสันก็ยิ้มออกมาบางๆ


เขาก้าวขาเข้าไปในร้าน ทักทายคุณยายผู้ใจดีที่ส่งรอยยิ้มให้


“นี่มัน..เอ่อ-”


“ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทจ้ะ” หญิงชราส่งรอยยิ้มให้ “มันสวยใช่มั้ยล่ะพ่อหนุ่ม สีฟ้าสดใสชวนมองแล้วสบายใจซะเหลือเกิน”


..ใช่
เจสันคิดในใจ


สีฟ้า..สีของใครบางคน.. สีที่เมื่อเขาพบเห็นแล้วมักอุ่นใจเสมอ..


“ขายช่อละเท่าไหร่ครับ?”
และเขาก็ตัดสินใจซื้อมัน ทั้งๆที่นิสัยจำพวกชื่นชอบของหยุมหยิมเปราะบางแบบดอกไม้ไม่ใช่อะไรที่เขาเป็น


แต่ว่า..สีฟ้านั้นพิเศษ..


อาจพิเศษกว่าสีแดง..


“ฉันไม่ขายหรอกจ้ะ” เธอพูดอย่างลำบากใจ “ขอโทษทีนะพ่อหนุ่ม ฉันปลูกมันไว้เพื่อรำลึกถึงสามีน่ะ เขาเพิ่งเสียไปไม่นานนี้เอง สีฟ้าคือสีที่เขาชอบและมันจะทำให้ฉันไม่ลืมเขา”
เมื่อพูดถึงสามีของเธอ แววตาฝ้าฟางทอความเศร้าและอาลัยชัดเจนแต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นดูมีความสุขยามนึกถึงคนที่รัก


เจสันมองหญิงชราตรงหน้า เขาส่ายหัวเบาๆ


“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจเรื่องการสูญเสียดี..” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา “เสียใจจริงๆที่ทำให้คุณต้องพูดเรื่องนี้”


“โอ้ เธอไม่จำเป็นต้องเสียใจหรอก ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะพ่อหนุ่ม” หล่อนหัวเราะ “มันก็คงจะไม่เสียหายอะไรถ้าฉันจะแบ่งให้เธอซักช่อ”


“ไม่เป็นไรครั-”


“ฉันเห็นดวงตาของเธอนะ” ยังไม่ทันที่เจสันจะพูดจบ หญิงชราพูดตัดขึ้นมาก่อน เธอส่งยิ้มอบอุ่นให้คนตรงหน้า “เธอมองมัน และนึกถึงใครบางคน”


ชายหนุ่มเงียบ เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเค้นหัวเราะออกมา เจสันยกมือขึ้นมายีหัวตัวเองก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“ใช่ ผมกำลังนึกถึงใครบางคน”


….


เจสันก้มมองช่อดอกฟอร์เก็ตมีน็อทในมือของตนเองด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันจนบรรยายไม่ถูก


ชายหนุ่มจิ๊ริมฝีปาก แสดงออกถึงความรู้สึกไม่พอใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองไม่พอใจอะไรแต่เจสันแค่ไม่มีความสุขนักที่อยู่ในสภาวะอารมณ์แบบนี้


ยิ่งมองดอกไม้ในมือความทรงจำต่างๆเกี่ยวกับคนๆนั้นก็ต่างประเคนเข้ามาและวนเวียนอยู่ในหัวสมองเหมือนวิดีโอม้วนเดิมที่ถูกฉายอีกครั้ง..


….


ดิ๊ค ริชาร์ด เกรย์สัน


ชายผู้ที่หลายคนยกย่องและนับถือ ชายที่พร้อมจะช่วยเหลือทุกคนเมื่อมีโอกาส ชายที่เปรียบเสมือนปีกของเขา ปีกที่คอยห่อหุ้มเขาไว้เพื่อปกป้อง..


เจสันเจอดิ๊คครั้งแรกเมื่อเขายังคงเป็นเพียงเด็กชาย และอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นเพียงเด็กชายเช่นกัน


แต่ตอนนั้นเขารู้จักอีกฝ่ายในนามของโรบิ้น..


บอยวันเดอร์คนแรกของแบทแมน..


เด็กชายผู้เป็นเหมือนเงาของอัศวินแห่งเมืองก็อตแธม


เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นเมื่อเงาเล็กพาดผ่านลงบนพื้นดิน


ร่างของเด็กชายโหนไปมาระหว่างตึกติดตามบุรุษรัตติกาล


เด็กชายผู้มหัศจรรย์..


เมื่อเขายังเป็นเด็ก เจสันมองร่างสองร่างนั้นจากหน้าต่างห้องนอน


เขาชื่นชมโรบิ้น เขาอยากเป็นอย่างโรบิ้น และโรบิ้นคือบุคคลที่เขาสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าคือไอดอลของเขา..


ครั้งที่สองที่เขาได้พบกัน คือครั้งเมื่อเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเวย์น ความลับเกี่ยวกับแบทแมนทั้งหมดถูกเปิดเผยให้เขารู้ ทั้งเรื่องของบรูซ เวย์นและโรบิ้นคนนั้น..
เจสันไม่เข้าใจ ดิ๊คไม่โกรธเขา ไม่ได้รู้สึกเหมือนเขาเป็นส่วนเกินแตกต่างจากที่เขารู้สึกต่อทิมครั้งแรก
เด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างสายเลือดดูแลเขาราวกับว่าเป็นน้องชายที่ออกมาจากท้องแม่คนเดียวกัน และความนับถือของเจสันที่มีต่อดิ๊คก็ยังไม่เสื่อมคลาย อาจมากขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำไป


เจสันอยากเป็นแบบดิ๊ค เขาอยากยืนอยู่ในจุดที่ดิ๊คเป็นอยู่..


เขาในตอนนั้นที่ยังเป็นเพียงเด็กชาย กลัวว่าถ้าอีกฝ่ายรู้ความคิดของตนเอง ผลกระทบตามมาอาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นเพราะความโกรธ


ใครจะไม่โกรธกันล่ะเมื่อรู้ว่ามีคนๆนึงจ้องจะเอาจุดยืนของตนเองไป


แต่ตอนที่เจสันได้เป็นโรบิ้น..และโรบิ้นคนเก่าคนนั้นก็กลายเป็นไนท์วิง บุรุษผู้เป็นฮีโร่แห่งเมืองบลัดเฮฟเว่น


ดิ๊คไม่ได้ทำท่าทีเหมือนเขามาแทนที่ตนเอง กลับกันไนท์วิงมักพยายามปกป้องเขาเสมอ ดิ๊คเหมือนเป็นปีกที่ห่อหุ้มเขาไว้เพื่อป้องกันภัย


เจสันไม่เข้าใจ เขามั่นใจในความสามรถของตนเอง เขาอยุ่ในจุดที่ดิ๊คเคยยืนอยู่ เขาเป็นโรบิ้นเหมือนกับที่อีกฝ่ายเคยเป็น เจสันคิดว่าเขามีความสามารถเทียบเท่าอีกฝ่าย ดิ๊คน่าจะรู้ความสามารถของผู้ที่เป็นโรบิ้นดี เขาไม่เข้าใจและไม่ต้องการให้ดิ๊คมองเขาเป็นเด็กทั้งที่อายุห่างกันเพียงไม่กี่ปี


และอยากให้ดิ๊คไว้วางใจเขา..


เขามองแผ่นหลังขอไนท์วิง ความโลภก็วิ่งเข้าสู่จิตใจอีกครั้ง


ถ้าเขากลายเป็นไนท์วิงล่ะ..? เขายังจะถูกปกป้องอีกรึปล่าว?


...


“โรบิ้น!!” ร่างของเขาถูกกระแทกโดยแรงผลักจนเซ เด็กหนุ่มหันไปมอง พบกับไนท์วิงที่จับปลายแหลมของมีดที่กำลังพุ่งตรงมายังกลางหนาผากของตนเองไว้ และตรงจุดนั้นคือจุดที่เขาเคยยืน


เจสันกัดฟันกรอดก่อนจะหันไปชกศัตรูจนสุดแรง


เขาถูกปกป้องอีกแล้ว..




เสียงทะเลาะกันดังขึ้นภายในคฤหาสน์เวยน์


“นายไม่จำเป็นต้องเขามาขวาง!! ฉันหลบพ้น!” เจสันตะโกนดังลั่นใส่ผู้ที่มาเยือนห้องนอนเขาถึงที่
“ทำไมนายต้องคอยปกป้องฉันอยู่เรื่อย! ฉันดูแลตัวเองได้! ฉันเป็นโรบิ้นนะดิ๊ค!”


ร่างสูงถอนหายใจออกมา ดิ๊ค เกรย์สัน เสยผมของตัวเองขึ้น เดินตรงมายังเขาก่อนจะบีบไหล่เจสันเบาๆแต่สุดท้ายก็โดนปัดมือออก


“ฟังนะเจย์” ดวงตาสีฟ้าทอดมองมายังเขา ประกายข้างในฉายแววจริงจัง บังคับให้เขาจ้องมองมันอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่อยากเห็นนายเป็นอะไรไปเข้าใจมั้ย นายเป็นน้องชายฉั-”


“คำก็น้องชาย! สองคำก็น้องชาย!” เจสันตะโกนอีกครั้ง เขายกกำปั้นขึ้นมาทุบกลางอกตัวเอง “เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันดิ๊ค! และที่สำคัญฉันดูแลตัวเองได้!”


“นายยังทำไม่ได้ ยังไม่ใช่ตอนนี้”


เจสันส่ายหัว เขาผลักไหล่อีกฝ่ายจนเซ


“ฉันทำได้! ฉันถูกฝึกมาเพื่อจะเป็นโรบิ้น! ฉันถูกฝึกมาโดยเขาเหมือนนาย!”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะตะเบ็งเสียงอย่างไม่กลัวว่าจะถูกพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ต่อว่า “ฉันถูกฝึกมาโดยแบทแมน!!”


“แต่นายยังไม่พร้อม!” ดิ๊คตะโกนแข่งกับเขาเหมือนเส้นความอดทนถูกตัดขาดสะบั้น
“นายยังไม่ดีพอ!”


เจสันชะงักเมื่อประโยคนั้นจบลง..
เด็กหนุ่มเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ
และมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ..
เขากัดฟันเข้าหากันแน่นพยายามระงับตัวเองไม่ให้พุ่งหมัดใส่คนตรงหน้า
มือทั้งสองข้างกำแน่นจนปลายนิ้วค่อยๆซีดลง


ดิ๊คชะงัก เหมือนกับว่าเขาเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปมันร้ายกาจขนาดไหน
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายแต่เจสันถอยหนี


“เจย์- ฉันไม่-”


ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาจับใจเมื่อเห็นอากัปกิริยาของคนตรงหน้า
แววตาตัดพ้อของเจสันเหมือนเป็นมีดที่กำลังกรีดเขาเป็นรอยแผลยาว


“เจย์.. ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น- ฉันไม่- ฉั-”


เจสันส่ายหน้า เขาก้าวถอยหลังอีกครั้งเมื่อคนตรงหน้าก้าวเข้ามาหา


ความรู้สึกทุกอย่างคุกกรุ่นอยู่ในอก เจสันอยากปลดปล่อยมันออกมา อยากตะโกนว่าเขารู้สึกยังไงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด


“ใช่..” ริมฝีปากขยับบางเบาก่อนจะเปล่งเสียงที่แหบแห้งจนน่าใจหายออกมา เจสันมองเขา มองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้า “ฉันยังไม่ดีพอ”


“เจย์.. ฉัน”


“นายพูดถูกดิ๊ค” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงมองพรมที่ปูทับพื้นห้องนอนเหมือนกับว่ามันจะช่วยเขาหลุดพ้นสถานการณ์นี้ได้ “ฉันยังไม่ดีพอจริงๆ และคงไม่มีวันเป็นโรบิ้นที่ดีพอ..”


“เจสัน..”


“นายไปเถอะ” เจสันถอนหายใจ เขายกมือขึ้นมายีหัวตัวเองก่อนจะส่ายหัวเบาๆในขณะที่ยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่ “ฉันอยากพักผ่อน แม่งเป็นวันที่โคตรเหนื่อยเลย”


แต่สัมผัสจากมือของคนตรงหน้าที่ทาบลงมาบนแก้มเขาทำให้เจสันต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง


เขาเห็นลูกแก้วสีฟ้าคู่นั้นกำลังสื่ออะไรบางอย่าง


อะไรที่..


เจสันไม่เข้าใจ


“อะไร-?” เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจออกมา และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ..


ดิ๊คจูบเขา


มันไม่ใช่จูบที่ลึกซึ้ง ไม่ได้รุกเร้าอะไร เพียงแค่แตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของกันและกัน


แต่นั่นมันก็มากเกินพอที่จะทำให้เจสันรู้สึกตื่นตระหนกได้ เขาไม่ได้ผลักหรือต่อยหน้าดิ๊ค แค่เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกลั้นหายใจเท่านั้น


ร่างสูงผละริมฝีปากออก ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องมายังเขาอีกครา จ้องลึกเข้าไปจนเจสันอดไม่ได้ที่จะเบี่ยงสายตาหนี


“หวังว่านี่จะมากพอที่จะทำให้นายเข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องปกป้องนายเจสัน..”


ดิ๊คโคลงหัวไปมา เขามองแก้มที่ซับสีแดงจางๆของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยมันแผ่วเบา


สัมผัสจั๊กจี้เมื่อนิ้วโป้งของอีกฝ่ายละเลียดอยู่บนพวงแก้มเขามันมากพอที่ทำให้อยากจะหดคอหนี


แต่มันไม่มากเท่ากับความรู้สึกดีที่ประทุอยู่ในอก..


“ใช่ นายพูดถูก เราไม่ใช่พี่น้องกัน ความจริงแล้วฉันไม่ได้มองนายเป็นน้องชายด้วยซ้ำ”  ดิ๊คหยุดมือ เขาค่อยๆชักมือกลับก่อนจะลูบนิ้วโป้งตัวเองแผ่วเบาเหมือนสิ่งที่เขาสัมผัสเมื่อครู่มีค่าขนาดต้องแตะต้องด้วยความถนุถนอม


“เพราะฉันรักนาย..”


และเรื่องราวในวันนั้นมันก็กลับตาลปัตรจากสิ่งที่มันควรจะกิดจนเจสันนึกว่าตัวเองฝันไป


แต่มันไม่ใช่ความฝัน


สัมผัสแผ่วเบาบนริมฝีปากและคำบอกรักนั้นคือของจริง..


แต่การกระทำของดิ๊ตกลับเหมือนปกติ


เจสันไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายซักนิด


เขารู้เพียงว่าเขาเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบอย่างและต้องการแทนที่ดิ๊ค ต้องการยืนอยู่ในจุดที่ดิ๊คยืน เข้ารู้เพียงแต่ความโลภของตนเอง


แต่ทำไมดิ๊คถึงยัง..


รักเขากัน


ชายหนุ่มไม่เคยพูดสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอีก ต่างคนยังคงทำตัวปกติ ทำหน้าที่ของตนเองเต็มความสามารถ


แต่เจสันคิดว่าเขารู้อย่างหนึ่ง รู้เกี่ยวกับลูกแก้วสีฟ้าที่คอยมองมาทางเขาแทบตลอดเวลา รู้สึกถึงสิ่งที่มันกำลังสื่อ


รู้สึกว่า.. มันคือความรักและความห่วงใย


ดิ๊ค เกรย์สัน ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่วันยังค่ำ..


พวกเขาออกลาดตระเวนด้วยกัน ทำทุกอย่างปกติจนเจสันอดแปลกใจไม่ได้
หลายวันที่ผ่านดิ๊คทำเหมือนกับเรื่องราวในคืนนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เจสันคิดขึ้นมาเอง


เขามองไนท์วิงที่นั่งอยู่บนยอดยอดตึกข้างๆตนเอง


เขาคิดว่าดิ๊ครู้ แต่แค่ทำเป็นเมินเฉย


และความอดทนของเจสันก็สิ้นสุดลง


“นายต้องการอะไรกันแน่”


ไนท์วิงหันไปมองอีกฝ่าย ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย


“นายหมายความว่ายังไง?”


เจสันจิ๊ริมฝีปาก นึกอยากเตะอีกฝ่ายให้ร่วงจากตึกดิ่งพสุธาไปหัวโหม่งพื้นแต่เขาก็ทำเพียงเปลี่ยนท่านั่งของตนเองเท่านั้น


“คืนนั้น คืนที่นายบอกว่ารักฉัน นายต้องการอะไร”


ดิ๊คดูประหลาดใจไม่น้อยกับคำถามนี้
ทุกอย่างตกอยุ่ในความเงียบ มีเพียงเสียงของเมืองก็อตแธมที่ดังเข้าโสตประสาทเตือนใจว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันเพียงสองคน


ชายหนุ่มถอนหายใจ ดิ๊คหันไปมองข้างหน้า มองอย่างไร้จุดหมาย


“ฉันแค่อยากบอกไปละมั้ง”
แต่นั่นไม่ใช่ความจริง


ดิ๊คคิดกับประโยคที่ปรุงแต่งขึ้นมาเอง ไม่ได้กลั่นกรองจากใจ


เขาไม่ได้แค่อยากบอก เขาอยากให้เจสันรับรู้ และตอบรับมัน


เขาอยากได้มากกว่านั้น..


ไนท์วิงเลียริมฝีปากตัวเองอย่างขัดข้องใจ


“แค่บอก?”


“อ่าห้ะ”
และเขาก็โกหกอีกแล้ว


“นายอยากแค่บอกจริงๆน่ะหรอ?” โรบิ้นหันหน้ามามองเขา แต่ดิ๊คยังคงหันไปมองข้างหน้า มีเพียงเสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งที่โผล่พ้นหน้ากากเท่านั้นที่เจสันมองเห็น


“นายไม่ได้- อยากให้ฉันตอบรับหรืออะไรหน่อยหรอ?”


อยาก..
“ไม่- ฉัน- ฉันไม่อยาก”


“ทำไม?”


ฉันกลัวนายจากฉันไป ฉันกลัวมันไม่เหมือนเดิม
“ฉันแค่ไม่อยากให้มันกระทบกับงาน”


เจสันเงียบ เงียบจนน่าใจหาย ดิ๊คหันไปมองเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายต่างสายเลือดแต่อีกฝ่ายทำเพียงแค่นิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆปรากฎบนใบหน้านั้นจนเขาชักหวั่นใจ


โรบิ้นพยักหน้า ทำเหมือนกับสิ่งที่พูดคุยกันเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องของอาหารในมื้อเย็น


“โอเค งาน” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “งั้นเราไปทำงานของเราเถอะ ไนท์วิง”


และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากปากเจสัน ก่อนที่โรบิ้นคนนั้นจะ..


..ตาย


และสิ่งสุดท้ายที่ดิ๊คพูดกับเจสันคือ.. คำโกหก..




เจสัน ทอดด์ กลับเข้าสู่ครอบครัวค้างคาวในนามของ เร้ดฮู้ด โดยละทิ้งชื่อ โรบิ้น ไว้ข้างหลัง
ทิ้งมันไว้เป็นเพียงความทรงจำในวัยเด็กพร้อมกับความทุกข์ที่เขาพยายามละทิ้งไป


ความจริงก็ไม่ได้ถึงกับเข้าร่วมเต็มตัว ความคิดเรื่องจัดการกับเหล่าอาชญากรของเขายังคงต่างกับแบทแมนมากนัก แต่เครื่องหมายบนกลางอกของชุดเขาก็บ่งบอกได้อย่างเด่นชัดว่า เร้ดฮู้ด เป็นคนของใคร


ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขากลับมา มีโรบิ้นคนใหม่มาแทนที่ ทิม เดรค เจ้าเด็กเนิร์ดนั่น
แต่สุดท้ายทิมก็ออกจากก็อตแธมไปอยู่กับกลุ่มทีนส์ไททันในชื่อของ เร้ด โรบิน
และมี เดเมี่ยน เวยน์ ลูกชายโดยสายเลือดของแบทแมนที่ไม่ใช่เด็กอุปถัมภ์แบบพวกเขาเข้ามาแทนที่


ครอบครัวค้างคาวเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ น่าแปลกใจที่เขาไม่ได้รำคาญกับความวุ่นวายอะไรมากนัก เจสันออกจะ..


อุ่นใจ?


ถึงแม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแต่ยังมีบางคนที่เหมือนเดิมในความคิดของเขา..


ดิ๊ค เกรย์สัน


เขายังคงเป็นไนท์วิง ฮีโร่แห่งบลัดเฮฟเว่น
ยังคงเป็นพี่ชายผู้แสนดีที่คอยดูแลคนอื่นเมื่อบรูซไม่อยู่
ยังคงเป็นบุคคลที่ทุกคนต่างนับถือแม้กระทั่งเดเมี่ยน
และยังคง.. รักเขาเหมือนเดิม


อ่าห้ะ ดิ๊คยังรักเขา เจสันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรคือสิ่งที่ตรึงชายคนนั้นไว้กับความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้แม้เวลาจะล่วงมาถึง 5 ปีแล้วก็ตาม..


เขาเคยถามดิ๊คว่าทำไม อีกฝ่ายตอบว่ามันคือความรู้สึกผิดที่ไม่อาจลบเลือนให้หายไปได้ พอๆกับความรู้สึกที่มีต่อเขาที่ยังตราตรึงอยู่เช่นเดิม


และเจสันก็หัวเราะเยาะเพราะมันโคตรน้ำเน่า


แต่สุดท้ายพวกเขาก็คบกัน..


ตลกดี เจสันคิดอย่างนั้น แต่มันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ทีความสุขที่สุดในชีวิตเขา


อีกอย่างนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คือการที่ ดิ๊ค เกรย์สันยังคงปกป้องเขาเช่นเดิม
เจสันไม่สงสัยในเหตุผลของการกระทำนี้อีกต่อไป เพราะคำตอบมันก็ชัดเจนเกินพอแล้ว


ทั้งสายตา ท่าทาง การกระทำแสนหวาน อ้อมกอดอบอุ่น รสจูบนั้น คำกระซิบบอกรัก..
ทุกอย่างมันเกินพอแล้ว..


“นายปกป้องฉันอีกแล้ว”


ดิ๊คยิ้มให้กับคำพูดนั้น เอนหัวซบลงไหล่อีกฝ่าย กุมมือหนาไว้แน่นเหมือนพอปล่อยแล้วเจสันจะหายไป..


เหมือนคราวนั้น..


“นายก็รู้คำตอบดี” ชายหนุ่มเงยหน้ามองใบหน้าคมคายของคนข้างกาย “ใช่มั้ย เจย์เบิร์ด”


เจสันหัวเราะ เขาก้มลงไปจูบริมฝีปากอีกฝ่ายแผ่วเบา ขยับริมฝีปากเปล่งคำพูดเสียงแผ่ว ปลายจมูกของทั้งสองจรดกัน เขามองเข้าไปในลูกแก้วสีฟ้าคู่นั้นที่สื่อความหมายบางอย่างแทนคำพูดที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมา
“ฉันรู้ดี..”


เขารู้ว่าไนท์วิงเก่งเพียงไหน เก่งขนาดมีอารมณ์มาพะวงเป็นห่วงเขาทั้งๆที่กำลังติดพันกับศัตรู และเร้ดฮู้ดก็ไว้ใจชายคนนี้


แต่ว่าเขาลืมไป..


ไนท์วิงไม่เคยปกป้องตัวเองเลย..


ดิ๊คยังคงปกป้องเขา..


จนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิตตัวเอง..




เจสันมองสถานที่ตรงหน้า เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะผลักบานรั้วซี่กรงเหล็กที่ถูกเปิดแง้มไว้ เสียงเอี๊ยดอ๊าดน่ารำคาญดังขึ้นแสดงถึงความละเลยในการดูแลเอาใจใส่มัน แต่เขาก็คร้านจะใส่ใจ


ชายหนุ่มเดินเข้าไป ขายาวก้าวอย่างแน่วแน่ ไม่มีการเปลี่ยนเส้นทาง ไม่มีการลังเล..


เขายืนอยู่ตรงหน้าแท่นหินที่ปรากฏตัวอักษรที่ถูกสลักไว้ว่า


‘Dick Richard Grayson’


มันคือหลุมศพของคนรักของเขา..


ร่างสูงนั่งยองๆลงกับพื้นหญ้า วางดอกฟอร์เก็ตมีน็อทลงบนหน้าป้ายหิน


ความจริงร่างของดิ๊คควรถูกฝังไว้ที่คฤหาสน์เวย์น แต่เจ้าตัวขอไว้ว่าต้องการอยู่ที่บลัดเฮฟเว่น


เมืองที่ทำให้เขาได้เป็นฮีโร่อย่างเต็มตัว เมืองที่เขาดูแลมาตลอดหลายปี


โลงศพที่ถูกฝังไว้หลังคฤหาสน์เวย์นจึงเป็นเพียงโลงเปล่าๆ


“ไงดิ๊ค”


เจสันพูดออกมาเบาๆเหมือนรำพึงกับตัวเอง


“มันสวยดี ว่ามั้ย? เห็นแล้วนีกถึงนายเลยว่ะ”


ลมพัดแผ่วเบาเหมือนเป็นเสียงตอบรับ..
เจสันหัวเราะเยาะกับความคิดไร้ตรรกกะของตนเอง


“ฉัน- คิดถึงนาย” เขาโคลงหัวไปมา ลูบหลังท้ายทอยของตนเอง “ทุกคนคิดถึงนาย แต่ฉัน-”


เจสันถอนหายใจ เขาเอื้อมมือไปทาบลงบนป้ายหลุมศพ ไล้นิ้วตามตัวอักษรที่ถูกสลักไว้ ดวงตาจดจ้องตาที่ปลายนิ้วมือขณะมันกำลังขยับตามตัวอักษร ก่อนรอยยิ้มบางเบาจะถูกแต้มอยูที่มุมปาก..


“นายรู้ดี ใช่มั้ยดิ๊คกี้เบิร์ด?”




ความมืดเข้าปกคลุมเมืองบลัดเฮฟเว่น เสียงการสนทนาของใครบางคนดังมาจากวิทยุสื่อสารบนโต๊ะกินข้าว


เจสันเร่งความดังเสียง เข้าทาบหูลงไปกับเครื่องเพื่อให้ได้ยินเสียงการสนทนานี้ชัดยิ่งขึ้น


“มี.. ก- ปล้นเกิด ที่ ธนาคา-ร บลั- เฮฟเว่น” เสียงคลื่นแทรกดังขึ้นเป็นระยะ
ชายหนุมจิ๊ปากอย่างไม่พอใจก่อนจะพยายามจับใจความเท่าที่ทำได้
“คน ร้าย- ล่- ?”
“หนีได้ ไปทา-ง แยกตึกแฝ-ด”
หลังจากจบประโยคนั้นเครื่องวิทยุสื่อสารก็ถูกปิด เจสันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่มีชุดชุดหนึ่งแขวนไว้พร้อมกับกระบองเหล็กสองท่อน..


ชายหนุ่มมองมันก่อนจะเบนสายตาไปยังหมวกรูปร่างเหมือนหมวกกันน็อคสีแดง..


แต่เขาก็แค่มอง..


เพราะเจสันเลือกที่จะละทิ้งนาม เร้ดฮู้ด ไว้ด้านหลัง..


หลังจากการตายของ ดิ๊ค เกรย์สัน ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด บลัดเฮฟเว่นต้องการไนท์วิง และครอบครัวค้างคาวก็ตกอยู่ในความทุกข์จนทุกคนแทบไม่มีกะจิตกะใจในการเฟ้นหาตัวไนท์วิงคนต่อไป


และเขาก็ตัดสินใจ..


เจสันตัดสินใจเป็นไนท์วิง..


“รู้มั้ยดิ๊ค..” เขาพูดกับตัวเองเบาๆขณะหยิบชุดรัดรูปตัวนั้นขึ้นมา “แต่ก่อน- ตอนฉันเป็นโรบิ้น”


มือทั้งสองข้างเลิกเสื้อยืดของตนเองขึ้นก่อนจะถอดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี รูดซิปกางเกงยีนส์ขายาวออกก่อนจะสะบัดมันทิ้ง “ฉันฝันจะใส่ชุดนี้ แทนที่นาย เป็นแบบนาย” ก่อนที่เขาจะสวมชุดนั้น


เจสันมองเงาของตนเอง เงาของเขาที่อยู่ในชุดของไนท์วิง “แต่ตอนนี้.. ฉันอยากให้นายกลับมา ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไป”


“..ฉันรู้มันไม่มีทางเป็นไปได้”


เขาเอื้อมมือไปหยิบกระบองเล่นสองท่อนมาคาดไว้ด้านหลัง


“และสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้ในตอนนี้คือการปกป้องเมืองของนาย..”


หน้ากากสีดำถูกสวมทับเข้ากับใบหน้า เจสันยังคงยืนมองเงาของตัวเองในชุดของคนรักเต็มยศ


สีฟ้ามันช่างไม่เข้ากับเขาเอาเสียเลย..


แต่ว่า..


มันก็สำคัญเกินกว่าที่จะทิ้งได้..


“ตอบแทนที่นายปกป้องฉันมาตลอด..”


เขาหันหลังกลับ เดินไปยังหน้าต่างก่อนจะเปิดมันออก
เสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้นไม่ไกลนัก ก่อนที่ลวดสลิงจะถูกยิงไปตึกอีกฟาก
เจสันหันกลับมามองหมวกสีแดงของเขาอีกครั้งแต่สุดท้ายเขาก็โหนตัวออกจากหน้าต่าง
ร่างสูงหายไปพร้อมกับความมืดที่เข้าปกคลุมเมืองบลัดเฮฟเว่น..


นามของเร้ดฮู้ดหายไปพร้อมกับนามของไนท์วิงที่กลับมาอีกครั้ง..


จะไม่มีใครเห็นชายใส่หมวกสีแดงขี่มอเตอร์ไซด์พร้อมกับปืนในมือเพื่ออกปราบปรามอาชญากรอีกต่อไป


จะมีเพียงไนท์วิง.. มีเพียงแค่ไนท์วิงเท่านั้น..


เจสัน ทอดด์ ได้ตัดสินใจไว้แล้ว..


END


……………………………………….
ดราม่าาาาา เราชอบบบ คือทุกคนส่งไรที่กระชุ่มกระชวยใจหมด มีเราคนเดียวแหวกดราม่าออกมา แต่คือไอดอลเนี่ย สิ่งแรกที่วิ่งเข้าหัวเลยคือเรื่องนี้จริงๆ (ต่อมาก็เดเมี่ยนใส่กระโปรงฟูๆที่คิดว่าน่าจะไม่เวิร์ค ฮาาาาา)











ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น