วันศุกร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2560

Drunk (JonDami) r 18+

HAPPY APIRL FOOL'S DAY!!!

โดนต้มเปื่อยเบย อิ อิ อิ ของจริงเจอหลังเราสอบเสร็จนะคะะะะ  💕💕💕

วันเสาร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2560

You in my dream (JonDami)




Name: You in my dream

Paring: JonDami

PG: 15+

Inspiration From: Inception (แนะนำให้ดู สมัยลุงลีโอยังท้วมๆน่าฟัด)

Ps. ฟิคนี้คล้ายๆเป็น AU นะคะ เอาไงดี มันก็ไม่ซะทีเดียวเออ ช่างมันเหอะ อ่านก็รู้เอง55555555 อัพอายุเด็กๆหน่อยนะ เพื่อความอ่านแล้วไม่ขัด โจนาธาน 16 ส่วนเดเมี่ยน 19 ค่า

…………………………………………………………..

โจนาธานกำลังมีความสุข..

สัมผัสแผ่วเบาที่กำลังลูบอยู่บนกลุ่มก้อนผมสีดำสนิทของเขาทำให้เขาเคลิบเคลิ้ม..

ความอ่อนโยนที่ส่งผ่านไออุ่นจากฝ่ามือของคนรักวิ่งเข้ามาสัมผัสเข้าที่หัวใจแผ่วเบาเหมือนเสียงกระซิบ..

เสียงนุ่มทุ้มดังคลอเบาๆเป็นทำนองเพลงที่เขาชื่นชอบ..

เด็กหนุ่มหลับตาพริ้ม ดวงหน้าแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม

เดเมี่ยนกำลังลูบผมเขา..

เดเมี่ยนกำลังร้องเพลงให้เขาฟัง..

มันไม่ใช่เรื่องปกติเลยที่อีกฝ่ายจะตามใจเขา..
แต่ถึงกระนั้น โจนาธานก็ยอมรับความผิดปกตินี้อย่างเต็มใจ..

“เดเมี่ยน..”

เขาขยับริมฝีปาก เรียกชื่อคนที่ตนเองยืมตักหนุนต่างหมอนเสียงแผ่ว เสียงร้องของอีกฝ่ายหยุดชะงักเมื่อเขาเอื้อมมือไปสัมผัสที่ใบหน้านั้นแผ่วเบา

ดวงตาสีฟ้าของโจนาธานมองลึกเข้าไปในลูกแก้วสีเขียวสด..
ภายในนั้น.. เขามองเห็นความรัก ความอ่อนโยน ที่ถูกปกปิดด้วยความแข็งกร้าวและดื้อรั้น

เขามองไปที่คิ้วทั้งสองข้างที่มักจะขมวดเข้าด้วยกัน มองไปที่สันจมูกโด่งกับริมฝีปากที่รับเข้ากันอย่างดี..

โจนาธานหลับตาลง..

เขาจดจำได้ทุกรายละเอียดของอีกฝ่าย..

จดจำแม้กระทั่งเสียงฝีเท้าเมื่อยามย่างกรายเข้ามาใกล้…

จดจำแม้กระทั่งสัดส่วนของร่างกายที่เขาชอบตะครองกอด..

จดจำแม้กระทั่งเสื้อผ้าที่อีกฝ่ายชอบใส่..

จดจำแม้กระทั่งสีหน้า อากัปกิริยาท่าทาง ที่เขามองได้เท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ..

เขาจดจำเดเมี่ยนได้ทุกอย่าง..

เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นนั่ง หันไปประชันหน้ากับอีกฝ่าย ทั้งสองต่างจดจ้องกันไม่วางตา..

นิ้วโป้งของโจนาธานไล้อยู่บนริมฝีปากของเดเมี่ยนแผ่วเบาๆ เขาสัมผัสมันเหมือนดั่งของล้ำค่า

“TT” เดเมี่ยนส่งเสียงเหมือนต้องการบอกเขาให้รับรู้ว่ากำลังไม่พอใจบางอย่าง “จะทำอะไรก็รีบๆสิ”

เด็กหนุ่มครึ่งมนุษย์หัวเราะ ก่อนที่จะประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากของคนตรงหน้า..

สัมผัมนุ่มหยุ่นแผ่วเบาทำให้เขารู้สึกดี ความเครียดและปัญหาทั้งหมดที่พบเจอตลอดวันเหมือนถูกลบเพียงจูบเดียวจากเดเมี่ยน..

มันไม่ใช่จูบที่รุกเร้า ไม่ใช่จูบที่รุนแรง เป็นเพียงแค่การแตะริมฝีปาก แลกสัมผัสของกันและกัน..

และบอกว่าต่างฝ่ายต่างโหยกันถึงเพียงไหน..

โจนาธานจูบจมูกรั้นของอีกฝ่าย ไล่ไปยังเปลือกตาที่ปิดลงจนถึงปลายคิ้ว.. ริมฝีปากเขาไล้ลงมาถึงพวงแก้มนุ่มก่อนจะกดปลายจมูกของตนเองลงไป..

เขาโหยหา..

เขาคิดถึง..

เขาต้องการ..

เขาต้องการเดเมี่ยน..

อีกฝ่ายปล่อยให้เขาทำตามใจตัวเอง หลับตาลงรับสัมผัสที่เขามอบให้.. ไม่มีท่าทีรังเกียจหรือผลักไส

โจนาธานรู้ว่าเดเมี่ยนก็คิดถึง โหยหา และต้องการเขาเช่นกัน..

เด็กหนุ่มผละปลายจมูกออกมาจากพวงแก้มนั่น ปัดป่ายริมฝีปากบางเบาอ้อยอิ่งเหมือนไม่อยากละจากไปไหน หน้าผากของพวกเขาชนกัน โจนาธานกุมมือเดเมี่ยนไว้ก่อนจะลูบมันเบาๆ..

สัมผัสจากมือที่กอบกุมกันเหมือนไฟฟ้าสถิต วิ่งเข้าสู่กลางลำตัวก่อนจะพุ่งเข้าไปยังหัวใจของเขา มันกระตุ้นให้หัวใจของเขาเต้นระรัว..
โจนาธานหลับตาลงจดจำสัมผัสทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น..

ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ..
ต่างฝ่ายไม่มีใครพูดอะไร มีเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้นที่ยังคงอยู่..

ก่อนที่โจนาธานจะเป็นคนเริ่มต้นบทสนทนา..

“ฉันไม่อยากไป..”

“นายต้องไป” เดเมี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น โจนาธานกุมมือของคนรักแน่นยิ่งกว่าเดิมเหมือนกับว่า.. เพียงแค่เขาปล่อยมือคู่นี้ไป.. เดเมี่ยนจะหายไปต่อหน้าต่อตา..

..ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้ว

“ฉันอยากอยู่กับนาย.. นานกว่านี้.. มันไม่พอ”

“วันนี้เราอยู่ด้วยกันมานานพอแล้ว”

“ไม่- มันไม่พอหรอก”
เขาเหลือบตามองขึ้น สบสายตากับคนตรงหน้า สื่อความรู้สึกในจิตใจผ่านดวงตาเหมือนต้องการให้อีกฝ่ายรับรู้

“เดเมี่ยน มันไม่เคยพอ..”

“แต่นายต้องกลับไป นายอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้.. ยังไงสุดท้ายนายก็ต้องไป”

“นายสัญญาว่าจะอยู่กับฉัน.. นายสัญญาว่าเราจะแก่ไปด้วยกัน..นายสัญญาแล้วนี่..”

เดเมี่ยนหลับตาลง ใบหน้าฉายแววลำบากใจ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น

“ฉันขอโทษ”

“ตลกเถอะ” โจนาธานเค้นเสียงหัวเราะออกมา “นายกำลังขอโทษฉัน พระเจ้าครับ
เดเมี่ยน เวย์น กำลังขอโทษผมอยู่”

ปกติจะต้องมีการลงไม้ลงมือบ้างเล็กน้อย แต่คนโดนล้อกลับไม่ได้ทำอะไรนอกจากถอนหายใจออกมา

“นายดูฝืน ฉันไม่ชอบเสียงหัวเราะของนายแบบนี้”

และโจนาธานก็เงียบไปหลังจากประโยคนั้นจบ..

เด็กหนุ่มส่ายหน้าช้าๆ “ฉันก็ไม่ชอบ.. มันเป็นแบบนี้เพราะนาย เดเมี่ยน”

“ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้”

“ไม่มีใครอยาก.. ฉัน คุณพ่อ แบทแมน..พ่อของนาย พี่ชายของนาย ทุกคนในลีค ในกลุ่มทีนส์ไททันใหม่ของนาย ทุกคนที่นายรู้จัก ทุกคนที่รู้จักนาย ทุกคนไม่ชอบมัน..”

“โจนาธาน..”

“มันดูงี่เง่า ดูเห็นแก่ตัว แต่ว่า.. ถ้าฉันอยู่ที่นี่ตลอดไปกับนายคงจะดี..”

“สุดท้ายฉันก็จะฆ่านาย.. ฉันไม่ยอมหรอก ฉันจะฆ่านายแล้วส่งนายกลับไป..”

“นายทำลงหรอ..?”

“ฉันจะทุกทุกวิถีทางให้นายอยู่ที่นั่น จอน.. ทุกคนรอนาย ทุกคนต้องการนาย”

“แต่ทุกคนก็ต้องการนายเหมือนกัน”

เขาจูบริมฝีปากเดเมี่ยนอีกครั้ง ขยับริมฝีปากพูดเสียงเบาทั้งๆที่มันยังอยู่แนบชิดกัน สัมผัสบางเบาชวนจั๊กจี้เกิดบนริมฝีปากของทั้งคู่ แต่ไม่มีใครใส่ใจมันแม้แต่น้อย..

“ฉันก็ต้องการนาย..”

“ฉันกลับไปไม่ได้.. นายรู้ดี.. ฉันมีตัวตนได้แค่ที่นี่ ในฝันของนาย”

ประโยคนั้นบาดลึกเข้าไปในจิตใจของโจนาธาน มันกรีดเป็นรอยแผลยาว ความเจ็บแปล๊บแล่นเข้าสู่ก้อนเนื้อที่เต้นอยู่ในอกข้างซ้าย บีบรัดมันแน่นจนทรมาณไปหมด..

นั่นคือความจริง..

โจนาธานหลับตาลง..

เดเมี่ยน.. มีตัวตนได้แค่ในฝันของเขาเท่านั้น..

“ได้เวลาที่นายต้องตื่นแล้ว..”

“ฉันไม่อยากไป..”

เขามองดูอีกฝ่ายลุกขึ้นยืน เดเมี่ยนก็มองเขา พวกเขามองกันและกัน..

โจนาธานมองมือของคนรักที่ปล่อยมือเขาไป เด็กหนุ่มอยากคว้ามันไว้แต่เดเมี่ยนกลับถอยหนี..

ภาพของร่างนั้นค่อยๆห่างไกลเรื่อยๆเหมือนกับรูปที่ถูกซูมออก โจนาธานมองเห็นรอยยิ้มของเดเมี่ยน..

และเขายังเห็นปะกรายความเศร้าในดวงตาคู่นั้น..

“แล้วเจอกัน..”

ร่างในความฝันขยับริมฝีปากเป็นคำบอกลาแผ่วเบา..

แต่ถึงอย่างนั้น..

เขายังคงได้ยินมันชัดเจน..

….

แสงแดดสาดส่องผ่านทางหน้าต่างห้องนอน ฉายไปยังร่างที่นอนคุดคู้อยู่บนเตียง

เขายกมือขึ้นมากุมอกของตัวเองแน่น ขยำสาบเสื้อจนมันยับยู่ยี่ ความทรมาณเกิดขึ้นตรงกลางหัวใจ เสียงสะอื้นไห้ดังไปทั่วห้องนอน..

ทรมาณ..

โจนาธานรับรู้เพียงเท่านั้น.. เด็กหนุ่มกัดฟันแน่น พยายามเรียกชื่อของคนรัก..

“เดเมี่ยน..”

เรียกซ้ำไปซ้ำมา..

เผื่อว่าอีกฝ่ายจะยังคงได้ยิน..

เผื่อว่าอีกฝ่ายจะเปิดหน้าต่างของเขาออก โหนตัวลงมาจากต้นไม้พร้อมรอยยิ้มหยัน พูดเหน็บแหนมว่าร้องไห้อย่างกับเด็ก

แต่มันจะไม่มีอีกแล้ว..

เดเมี่ยน เวย์น.. โรบิ้นคนนั้น..

ตายไปแล้ว..

สิ่งที่อยู่ในฝันของโจนาธานเป็นเพียงภาพสะท้อนของจิตใต้สำนึก เดเมี่ยนเป็นสิ่งที่เขาสะท้อนมาจากความต้องการของตนเอง..

เป็นเหมือนภาพสะท้อนในเงากระจกของร่างที่นอนอยู่ในโลงศพหลังคฤหาสน์เวย์น..

เขาจะเจอเดเมี่ยนได้เพียงในความฝันเท่านั้น..

เสียงสะอื้นยังคงดังต่อเนื่อง..
ความเจ็บปวดทรมาณภายในหัวใจยังไม่จางหาย..

ความเจ็บเกิดขึ้นอยู่ในจิตใต้สำนึก.. เมื่อคุณฝันคุณจะเจ็บและทรมาณ แต่เมื่อคุณตื่น.. ความรู้สึกนั้นก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดมาก่อน..

เหมือนกับการตายในความฝัน.. เมื่อคุณตาย มันก็แค่การตื่นขึ้นมาพบกับโลกความเป็นจริงเท่านั้น..

แต่ว่า..

มือของเขาทั้งสองขยำเสื้อแน่น ไม่สนใจเสียงขาดกันของใยผ้า ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เขาสนใจแค่ความเจ็บปวดที่ไม่จางหายไปเสียที

ทำไมความเจ็บปวดครั้งนี้.. มันไม่จางหายกัน..

แต่โจนาธานคิดว่าตัวเองรู้..

ความเจ็บปวดนี้จะยังคงไม่หายหากเขายังคงลืมคนๆนั้นไม่ได้เสียที..

เดเมี่ยน เวย์น..

บุคคลที่ไม่มีตัวตนในความเป็นจริงอีกต่อไป..


END

……………………………………..

ดูเรื่อง inception แล้วแบบ โอ้ยแก ถ้าฉันเจอแบบพระเอกคงตายห่าแน่นอน แล้วสิ่งที่พระเอกเจอก็คือสิ่งเดียวกันกับที่นังจอนเจอจ้า คือบับว่า เมียตายจ้า แล้วพระเอกก็สร้างภาพสะท้อนเมียมันในจิตใต้สำนึกขึ้นมาในความฝันจ้า เมียตายเพราะแยกแยะความจริงกับฝันไม่ออก เจ็บตรงที่พระเอกเห็นเมียโดดตึกตายต่อหน้าเพราะคิดว่าการตายในครั้งนี้จะพานางกลับสู่โลกความเป็นจริง ทั้งๆที่นางอยู่โลกความเป็นจริง อื้อหือแบบ สงสารโคตร โอ้ยนี่เวิ่นไรอย่างยาว เอาสั้นๆว่า ไปดูเถอะนะคนดี แม่งดีงาม ลุงลีโอตุ้ยนุ้ยน่าฟัด คือไม่ได้ตุ้ยนุ้ยแบบพลุ้ยๆอ่ะ ตุ้ยนุ้ยแบบ เออ ช่างเหอะ เขายังหล่อ ไปดูค่ะ สาบานว่าไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด ฟิคเรื่องนี้คือแต่งด้วยความบ้าคลั่งมาก แต่งจบภายในชม.ครึ่งคิดดูแก5555555555555555 แต่งแล้วแม่งรัดใจตัวเองค่อด ปกติเป็นคนแต่งดราม่าแล้วไม่สะท้านนะแต่พอแบบมโนว่ตัวเองเป็นนังจอนแล้ว แกนยรำนกาำไนก่รไนำ่นไำยร่ก้ย กราบขอโทษทุกคนที่หลงเข้ามาเพราะคิดว่าเป็นฟิคตะมุตะมิด้วย ชื่อแม่งอย่างกับเก็บนายไปฝันถึง ยาวระ แค่นี้แหละ บรัย

วันพุธที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2560

I don't want it anymore (JayDick/DickJay)




Name: I don’t want it anymore


Paring: JayDick Dickjay


PG: 15+


Warning: Drama


Etc. : ดีซีรายปักษ์หัวข้อ Idol

(คุยกันก่อนอ่านเพื่อปรับความเข้าใจ บางคนอ่านแล้งแบบ เอ มันไอดอลไงว้า ไอดอลในความหมายของเราไม่ได้หมายถึงบุคคลที่เป็นนักร้องค่ะ เป็นบุคคลที่เรายกย่องเป็นแบบอย่าง บุคคลที่น่านับถือ ซึ่งในที่นี้ ดิ๊คก็คือไอดอลของเจสันนั่นเอง หวังว่าจะไม่ผิดนะ5555555555)
…………………………….


เขาสูดลมหายใจรับอากาศในเมืองบลัดเฮฟเว่นเข้าปอดเมื่อเปิดประตูออกมาเพื่อรับลมของเช้าวันใหม่


เจสันทักทายคุณนายแม่หม้ายแก่ข้างบ้านที่ชอบเอาพายบลูเบอร์รี่อบใหม่ๆมาให้เขาเสมอ


เสียงรถยนต์สัญจร เสียงของผู้คนตามทางเดิน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มคุ้นเคยดีและมักพบในทุกๆวัน


ร้านขนมปังยังคงวุ่นวายดังเช่นทุกเช้า
ร้านขายผักสดที่ถูกบรรดาแม่บ้านรุม
ร้านขายปลาที่ส่งกลิ่นคุ้งคาวออกมา
แต่ร้านดอกไม้ในวันนี้โดดเด่นกว่าทุกวัน..


เพราะสีฟ้าของดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่หน้าร้าน


สีฟ้าเข้มนี้ทำให้เจสันนึกถึงใครบางคน..


ชายหนุ่มหยุดยืนมอง ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสที่มักทอปะกรายตลอดเวลาฉายชัดในความทรงจำ
โดยที่ไม่รู้ตัว.. เจสันก็ยิ้มออกมาบางๆ


เขาก้าวขาเข้าไปในร้าน ทักทายคุณยายผู้ใจดีที่ส่งรอยยิ้มให้


“นี่มัน..เอ่อ-”


“ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทจ้ะ” หญิงชราส่งรอยยิ้มให้ “มันสวยใช่มั้ยล่ะพ่อหนุ่ม สีฟ้าสดใสชวนมองแล้วสบายใจซะเหลือเกิน”


..ใช่
เจสันคิดในใจ


สีฟ้า..สีของใครบางคน.. สีที่เมื่อเขาพบเห็นแล้วมักอุ่นใจเสมอ..


“ขายช่อละเท่าไหร่ครับ?”
และเขาก็ตัดสินใจซื้อมัน ทั้งๆที่นิสัยจำพวกชื่นชอบของหยุมหยิมเปราะบางแบบดอกไม้ไม่ใช่อะไรที่เขาเป็น


แต่ว่า..สีฟ้านั้นพิเศษ..


อาจพิเศษกว่าสีแดง..


“ฉันไม่ขายหรอกจ้ะ” เธอพูดอย่างลำบากใจ “ขอโทษทีนะพ่อหนุ่ม ฉันปลูกมันไว้เพื่อรำลึกถึงสามีน่ะ เขาเพิ่งเสียไปไม่นานนี้เอง สีฟ้าคือสีที่เขาชอบและมันจะทำให้ฉันไม่ลืมเขา”
เมื่อพูดถึงสามีของเธอ แววตาฝ้าฟางทอความเศร้าและอาลัยชัดเจนแต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นดูมีความสุขยามนึกถึงคนที่รัก


เจสันมองหญิงชราตรงหน้า เขาส่ายหัวเบาๆ


“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจเรื่องการสูญเสียดี..” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา “เสียใจจริงๆที่ทำให้คุณต้องพูดเรื่องนี้”


“โอ้ เธอไม่จำเป็นต้องเสียใจหรอก ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะพ่อหนุ่ม” หล่อนหัวเราะ “มันก็คงจะไม่เสียหายอะไรถ้าฉันจะแบ่งให้เธอซักช่อ”


“ไม่เป็นไรครั-”


“ฉันเห็นดวงตาของเธอนะ” ยังไม่ทันที่เจสันจะพูดจบ หญิงชราพูดตัดขึ้นมาก่อน เธอส่งยิ้มอบอุ่นให้คนตรงหน้า “เธอมองมัน และนึกถึงใครบางคน”


ชายหนุ่มเงียบ เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเค้นหัวเราะออกมา เจสันยกมือขึ้นมายีหัวตัวเองก่อนจะพยักหน้าเบาๆ


“ใช่ ผมกำลังนึกถึงใครบางคน”


….


เจสันก้มมองช่อดอกฟอร์เก็ตมีน็อทในมือของตนเองด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันจนบรรยายไม่ถูก


ชายหนุ่มจิ๊ริมฝีปาก แสดงออกถึงความรู้สึกไม่พอใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองไม่พอใจอะไรแต่เจสันแค่ไม่มีความสุขนักที่อยู่ในสภาวะอารมณ์แบบนี้


ยิ่งมองดอกไม้ในมือความทรงจำต่างๆเกี่ยวกับคนๆนั้นก็ต่างประเคนเข้ามาและวนเวียนอยู่ในหัวสมองเหมือนวิดีโอม้วนเดิมที่ถูกฉายอีกครั้ง..


….


ดิ๊ค ริชาร์ด เกรย์สัน


ชายผู้ที่หลายคนยกย่องและนับถือ ชายที่พร้อมจะช่วยเหลือทุกคนเมื่อมีโอกาส ชายที่เปรียบเสมือนปีกของเขา ปีกที่คอยห่อหุ้มเขาไว้เพื่อปกป้อง..


เจสันเจอดิ๊คครั้งแรกเมื่อเขายังคงเป็นเพียงเด็กชาย และอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นเพียงเด็กชายเช่นกัน


แต่ตอนนั้นเขารู้จักอีกฝ่ายในนามของโรบิ้น..


บอยวันเดอร์คนแรกของแบทแมน..


เด็กชายผู้เป็นเหมือนเงาของอัศวินแห่งเมืองก็อตแธม


เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นเมื่อเงาเล็กพาดผ่านลงบนพื้นดิน


ร่างของเด็กชายโหนไปมาระหว่างตึกติดตามบุรุษรัตติกาล


เด็กชายผู้มหัศจรรย์..


เมื่อเขายังเป็นเด็ก เจสันมองร่างสองร่างนั้นจากหน้าต่างห้องนอน


เขาชื่นชมโรบิ้น เขาอยากเป็นอย่างโรบิ้น และโรบิ้นคือบุคคลที่เขาสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าคือไอดอลของเขา..


ครั้งที่สองที่เขาได้พบกัน คือครั้งเมื่อเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเวย์น ความลับเกี่ยวกับแบทแมนทั้งหมดถูกเปิดเผยให้เขารู้ ทั้งเรื่องของบรูซ เวย์นและโรบิ้นคนนั้น..
เจสันไม่เข้าใจ ดิ๊คไม่โกรธเขา ไม่ได้รู้สึกเหมือนเขาเป็นส่วนเกินแตกต่างจากที่เขารู้สึกต่อทิมครั้งแรก
เด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างสายเลือดดูแลเขาราวกับว่าเป็นน้องชายที่ออกมาจากท้องแม่คนเดียวกัน และความนับถือของเจสันที่มีต่อดิ๊คก็ยังไม่เสื่อมคลาย อาจมากขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำไป


เจสันอยากเป็นแบบดิ๊ค เขาอยากยืนอยู่ในจุดที่ดิ๊คเป็นอยู่..


เขาในตอนนั้นที่ยังเป็นเพียงเด็กชาย กลัวว่าถ้าอีกฝ่ายรู้ความคิดของตนเอง ผลกระทบตามมาอาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นเพราะความโกรธ


ใครจะไม่โกรธกันล่ะเมื่อรู้ว่ามีคนๆนึงจ้องจะเอาจุดยืนของตนเองไป


แต่ตอนที่เจสันได้เป็นโรบิ้น..และโรบิ้นคนเก่าคนนั้นก็กลายเป็นไนท์วิง บุรุษผู้เป็นฮีโร่แห่งเมืองบลัดเฮฟเว่น


ดิ๊คไม่ได้ทำท่าทีเหมือนเขามาแทนที่ตนเอง กลับกันไนท์วิงมักพยายามปกป้องเขาเสมอ ดิ๊คเหมือนเป็นปีกที่ห่อหุ้มเขาไว้เพื่อป้องกันภัย


เจสันไม่เข้าใจ เขามั่นใจในความสามรถของตนเอง เขาอยุ่ในจุดที่ดิ๊คเคยยืนอยู่ เขาเป็นโรบิ้นเหมือนกับที่อีกฝ่ายเคยเป็น เจสันคิดว่าเขามีความสามารถเทียบเท่าอีกฝ่าย ดิ๊คน่าจะรู้ความสามารถของผู้ที่เป็นโรบิ้นดี เขาไม่เข้าใจและไม่ต้องการให้ดิ๊คมองเขาเป็นเด็กทั้งที่อายุห่างกันเพียงไม่กี่ปี


และอยากให้ดิ๊คไว้วางใจเขา..


เขามองแผ่นหลังขอไนท์วิง ความโลภก็วิ่งเข้าสู่จิตใจอีกครั้ง


ถ้าเขากลายเป็นไนท์วิงล่ะ..? เขายังจะถูกปกป้องอีกรึปล่าว?


...


“โรบิ้น!!” ร่างของเขาถูกกระแทกโดยแรงผลักจนเซ เด็กหนุ่มหันไปมอง พบกับไนท์วิงที่จับปลายแหลมของมีดที่กำลังพุ่งตรงมายังกลางหนาผากของตนเองไว้ และตรงจุดนั้นคือจุดที่เขาเคยยืน


เจสันกัดฟันกรอดก่อนจะหันไปชกศัตรูจนสุดแรง


เขาถูกปกป้องอีกแล้ว..




เสียงทะเลาะกันดังขึ้นภายในคฤหาสน์เวยน์


“นายไม่จำเป็นต้องเขามาขวาง!! ฉันหลบพ้น!” เจสันตะโกนดังลั่นใส่ผู้ที่มาเยือนห้องนอนเขาถึงที่
“ทำไมนายต้องคอยปกป้องฉันอยู่เรื่อย! ฉันดูแลตัวเองได้! ฉันเป็นโรบิ้นนะดิ๊ค!”


ร่างสูงถอนหายใจออกมา ดิ๊ค เกรย์สัน เสยผมของตัวเองขึ้น เดินตรงมายังเขาก่อนจะบีบไหล่เจสันเบาๆแต่สุดท้ายก็โดนปัดมือออก


“ฟังนะเจย์” ดวงตาสีฟ้าทอดมองมายังเขา ประกายข้างในฉายแววจริงจัง บังคับให้เขาจ้องมองมันอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่อยากเห็นนายเป็นอะไรไปเข้าใจมั้ย นายเป็นน้องชายฉั-”


“คำก็น้องชาย! สองคำก็น้องชาย!” เจสันตะโกนอีกครั้ง เขายกกำปั้นขึ้นมาทุบกลางอกตัวเอง “เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันดิ๊ค! และที่สำคัญฉันดูแลตัวเองได้!”


“นายยังทำไม่ได้ ยังไม่ใช่ตอนนี้”


เจสันส่ายหัว เขาผลักไหล่อีกฝ่ายจนเซ


“ฉันทำได้! ฉันถูกฝึกมาเพื่อจะเป็นโรบิ้น! ฉันถูกฝึกมาโดยเขาเหมือนนาย!”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะตะเบ็งเสียงอย่างไม่กลัวว่าจะถูกพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ต่อว่า “ฉันถูกฝึกมาโดยแบทแมน!!”


“แต่นายยังไม่พร้อม!” ดิ๊คตะโกนแข่งกับเขาเหมือนเส้นความอดทนถูกตัดขาดสะบั้น
“นายยังไม่ดีพอ!”


เจสันชะงักเมื่อประโยคนั้นจบลง..
เด็กหนุ่มเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ
และมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ..
เขากัดฟันเข้าหากันแน่นพยายามระงับตัวเองไม่ให้พุ่งหมัดใส่คนตรงหน้า
มือทั้งสองข้างกำแน่นจนปลายนิ้วค่อยๆซีดลง


ดิ๊คชะงัก เหมือนกับว่าเขาเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปมันร้ายกาจขนาดไหน
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายแต่เจสันถอยหนี


“เจย์- ฉันไม่-”


ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาจับใจเมื่อเห็นอากัปกิริยาของคนตรงหน้า
แววตาตัดพ้อของเจสันเหมือนเป็นมีดที่กำลังกรีดเขาเป็นรอยแผลยาว


“เจย์.. ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น- ฉันไม่- ฉั-”


เจสันส่ายหน้า เขาก้าวถอยหลังอีกครั้งเมื่อคนตรงหน้าก้าวเข้ามาหา


ความรู้สึกทุกอย่างคุกกรุ่นอยู่ในอก เจสันอยากปลดปล่อยมันออกมา อยากตะโกนว่าเขารู้สึกยังไงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด


“ใช่..” ริมฝีปากขยับบางเบาก่อนจะเปล่งเสียงที่แหบแห้งจนน่าใจหายออกมา เจสันมองเขา มองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้า “ฉันยังไม่ดีพอ”


“เจย์.. ฉัน”


“นายพูดถูกดิ๊ค” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงมองพรมที่ปูทับพื้นห้องนอนเหมือนกับว่ามันจะช่วยเขาหลุดพ้นสถานการณ์นี้ได้ “ฉันยังไม่ดีพอจริงๆ และคงไม่มีวันเป็นโรบิ้นที่ดีพอ..”


“เจสัน..”


“นายไปเถอะ” เจสันถอนหายใจ เขายกมือขึ้นมายีหัวตัวเองก่อนจะส่ายหัวเบาๆในขณะที่ยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่ “ฉันอยากพักผ่อน แม่งเป็นวันที่โคตรเหนื่อยเลย”


แต่สัมผัสจากมือของคนตรงหน้าที่ทาบลงมาบนแก้มเขาทำให้เจสันต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง


เขาเห็นลูกแก้วสีฟ้าคู่นั้นกำลังสื่ออะไรบางอย่าง


อะไรที่..


เจสันไม่เข้าใจ


“อะไร-?” เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจออกมา และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ..


ดิ๊คจูบเขา


มันไม่ใช่จูบที่ลึกซึ้ง ไม่ได้รุกเร้าอะไร เพียงแค่แตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของกันและกัน


แต่นั่นมันก็มากเกินพอที่จะทำให้เจสันรู้สึกตื่นตระหนกได้ เขาไม่ได้ผลักหรือต่อยหน้าดิ๊ค แค่เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกลั้นหายใจเท่านั้น


ร่างสูงผละริมฝีปากออก ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องมายังเขาอีกครา จ้องลึกเข้าไปจนเจสันอดไม่ได้ที่จะเบี่ยงสายตาหนี


“หวังว่านี่จะมากพอที่จะทำให้นายเข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องปกป้องนายเจสัน..”


ดิ๊คโคลงหัวไปมา เขามองแก้มที่ซับสีแดงจางๆของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยมันแผ่วเบา


สัมผัสจั๊กจี้เมื่อนิ้วโป้งของอีกฝ่ายละเลียดอยู่บนพวงแก้มเขามันมากพอที่ทำให้อยากจะหดคอหนี


แต่มันไม่มากเท่ากับความรู้สึกดีที่ประทุอยู่ในอก..


“ใช่ นายพูดถูก เราไม่ใช่พี่น้องกัน ความจริงแล้วฉันไม่ได้มองนายเป็นน้องชายด้วยซ้ำ”  ดิ๊คหยุดมือ เขาค่อยๆชักมือกลับก่อนจะลูบนิ้วโป้งตัวเองแผ่วเบาเหมือนสิ่งที่เขาสัมผัสเมื่อครู่มีค่าขนาดต้องแตะต้องด้วยความถนุถนอม


“เพราะฉันรักนาย..”


และเรื่องราวในวันนั้นมันก็กลับตาลปัตรจากสิ่งที่มันควรจะกิดจนเจสันนึกว่าตัวเองฝันไป


แต่มันไม่ใช่ความฝัน


สัมผัสแผ่วเบาบนริมฝีปากและคำบอกรักนั้นคือของจริง..


แต่การกระทำของดิ๊ตกลับเหมือนปกติ


เจสันไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายซักนิด


เขารู้เพียงว่าเขาเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบอย่างและต้องการแทนที่ดิ๊ค ต้องการยืนอยู่ในจุดที่ดิ๊คยืน เข้ารู้เพียงแต่ความโลภของตนเอง


แต่ทำไมดิ๊คถึงยัง..


รักเขากัน


ชายหนุ่มไม่เคยพูดสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอีก ต่างคนยังคงทำตัวปกติ ทำหน้าที่ของตนเองเต็มความสามารถ


แต่เจสันคิดว่าเขารู้อย่างหนึ่ง รู้เกี่ยวกับลูกแก้วสีฟ้าที่คอยมองมาทางเขาแทบตลอดเวลา รู้สึกถึงสิ่งที่มันกำลังสื่อ


รู้สึกว่า.. มันคือความรักและความห่วงใย


ดิ๊ค เกรย์สัน ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่วันยังค่ำ..


พวกเขาออกลาดตระเวนด้วยกัน ทำทุกอย่างปกติจนเจสันอดแปลกใจไม่ได้
หลายวันที่ผ่านดิ๊คทำเหมือนกับเรื่องราวในคืนนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เจสันคิดขึ้นมาเอง


เขามองไนท์วิงที่นั่งอยู่บนยอดยอดตึกข้างๆตนเอง


เขาคิดว่าดิ๊ครู้ แต่แค่ทำเป็นเมินเฉย


และความอดทนของเจสันก็สิ้นสุดลง


“นายต้องการอะไรกันแน่”


ไนท์วิงหันไปมองอีกฝ่าย ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย


“นายหมายความว่ายังไง?”


เจสันจิ๊ริมฝีปาก นึกอยากเตะอีกฝ่ายให้ร่วงจากตึกดิ่งพสุธาไปหัวโหม่งพื้นแต่เขาก็ทำเพียงเปลี่ยนท่านั่งของตนเองเท่านั้น


“คืนนั้น คืนที่นายบอกว่ารักฉัน นายต้องการอะไร”


ดิ๊คดูประหลาดใจไม่น้อยกับคำถามนี้
ทุกอย่างตกอยุ่ในความเงียบ มีเพียงเสียงของเมืองก็อตแธมที่ดังเข้าโสตประสาทเตือนใจว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันเพียงสองคน


ชายหนุ่มถอนหายใจ ดิ๊คหันไปมองข้างหน้า มองอย่างไร้จุดหมาย


“ฉันแค่อยากบอกไปละมั้ง”
แต่นั่นไม่ใช่ความจริง


ดิ๊คคิดกับประโยคที่ปรุงแต่งขึ้นมาเอง ไม่ได้กลั่นกรองจากใจ


เขาไม่ได้แค่อยากบอก เขาอยากให้เจสันรับรู้ และตอบรับมัน


เขาอยากได้มากกว่านั้น..


ไนท์วิงเลียริมฝีปากตัวเองอย่างขัดข้องใจ


“แค่บอก?”


“อ่าห้ะ”
และเขาก็โกหกอีกแล้ว


“นายอยากแค่บอกจริงๆน่ะหรอ?” โรบิ้นหันหน้ามามองเขา แต่ดิ๊คยังคงหันไปมองข้างหน้า มีเพียงเสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งที่โผล่พ้นหน้ากากเท่านั้นที่เจสันมองเห็น


“นายไม่ได้- อยากให้ฉันตอบรับหรืออะไรหน่อยหรอ?”


อยาก..
“ไม่- ฉัน- ฉันไม่อยาก”


“ทำไม?”


ฉันกลัวนายจากฉันไป ฉันกลัวมันไม่เหมือนเดิม
“ฉันแค่ไม่อยากให้มันกระทบกับงาน”


เจสันเงียบ เงียบจนน่าใจหาย ดิ๊คหันไปมองเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายต่างสายเลือดแต่อีกฝ่ายทำเพียงแค่นิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆปรากฎบนใบหน้านั้นจนเขาชักหวั่นใจ


โรบิ้นพยักหน้า ทำเหมือนกับสิ่งที่พูดคุยกันเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องของอาหารในมื้อเย็น


“โอเค งาน” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “งั้นเราไปทำงานของเราเถอะ ไนท์วิง”


และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากปากเจสัน ก่อนที่โรบิ้นคนนั้นจะ..


..ตาย


และสิ่งสุดท้ายที่ดิ๊คพูดกับเจสันคือ.. คำโกหก..




เจสัน ทอดด์ กลับเข้าสู่ครอบครัวค้างคาวในนามของ เร้ดฮู้ด โดยละทิ้งชื่อ โรบิ้น ไว้ข้างหลัง
ทิ้งมันไว้เป็นเพียงความทรงจำในวัยเด็กพร้อมกับความทุกข์ที่เขาพยายามละทิ้งไป


ความจริงก็ไม่ได้ถึงกับเข้าร่วมเต็มตัว ความคิดเรื่องจัดการกับเหล่าอาชญากรของเขายังคงต่างกับแบทแมนมากนัก แต่เครื่องหมายบนกลางอกของชุดเขาก็บ่งบอกได้อย่างเด่นชัดว่า เร้ดฮู้ด เป็นคนของใคร


ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขากลับมา มีโรบิ้นคนใหม่มาแทนที่ ทิม เดรค เจ้าเด็กเนิร์ดนั่น
แต่สุดท้ายทิมก็ออกจากก็อตแธมไปอยู่กับกลุ่มทีนส์ไททันในชื่อของ เร้ด โรบิน
และมี เดเมี่ยน เวยน์ ลูกชายโดยสายเลือดของแบทแมนที่ไม่ใช่เด็กอุปถัมภ์แบบพวกเขาเข้ามาแทนที่


ครอบครัวค้างคาวเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ น่าแปลกใจที่เขาไม่ได้รำคาญกับความวุ่นวายอะไรมากนัก เจสันออกจะ..


อุ่นใจ?


ถึงแม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแต่ยังมีบางคนที่เหมือนเดิมในความคิดของเขา..


ดิ๊ค เกรย์สัน


เขายังคงเป็นไนท์วิง ฮีโร่แห่งบลัดเฮฟเว่น
ยังคงเป็นพี่ชายผู้แสนดีที่คอยดูแลคนอื่นเมื่อบรูซไม่อยู่
ยังคงเป็นบุคคลที่ทุกคนต่างนับถือแม้กระทั่งเดเมี่ยน
และยังคง.. รักเขาเหมือนเดิม


อ่าห้ะ ดิ๊คยังรักเขา เจสันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรคือสิ่งที่ตรึงชายคนนั้นไว้กับความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้แม้เวลาจะล่วงมาถึง 5 ปีแล้วก็ตาม..


เขาเคยถามดิ๊คว่าทำไม อีกฝ่ายตอบว่ามันคือความรู้สึกผิดที่ไม่อาจลบเลือนให้หายไปได้ พอๆกับความรู้สึกที่มีต่อเขาที่ยังตราตรึงอยู่เช่นเดิม


และเจสันก็หัวเราะเยาะเพราะมันโคตรน้ำเน่า


แต่สุดท้ายพวกเขาก็คบกัน..


ตลกดี เจสันคิดอย่างนั้น แต่มันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ทีความสุขที่สุดในชีวิตเขา


อีกอย่างนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คือการที่ ดิ๊ค เกรย์สันยังคงปกป้องเขาเช่นเดิม
เจสันไม่สงสัยในเหตุผลของการกระทำนี้อีกต่อไป เพราะคำตอบมันก็ชัดเจนเกินพอแล้ว


ทั้งสายตา ท่าทาง การกระทำแสนหวาน อ้อมกอดอบอุ่น รสจูบนั้น คำกระซิบบอกรัก..
ทุกอย่างมันเกินพอแล้ว..


“นายปกป้องฉันอีกแล้ว”


ดิ๊คยิ้มให้กับคำพูดนั้น เอนหัวซบลงไหล่อีกฝ่าย กุมมือหนาไว้แน่นเหมือนพอปล่อยแล้วเจสันจะหายไป..


เหมือนคราวนั้น..


“นายก็รู้คำตอบดี” ชายหนุ่มเงยหน้ามองใบหน้าคมคายของคนข้างกาย “ใช่มั้ย เจย์เบิร์ด”


เจสันหัวเราะ เขาก้มลงไปจูบริมฝีปากอีกฝ่ายแผ่วเบา ขยับริมฝีปากเปล่งคำพูดเสียงแผ่ว ปลายจมูกของทั้งสองจรดกัน เขามองเข้าไปในลูกแก้วสีฟ้าคู่นั้นที่สื่อความหมายบางอย่างแทนคำพูดที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมา
“ฉันรู้ดี..”


เขารู้ว่าไนท์วิงเก่งเพียงไหน เก่งขนาดมีอารมณ์มาพะวงเป็นห่วงเขาทั้งๆที่กำลังติดพันกับศัตรู และเร้ดฮู้ดก็ไว้ใจชายคนนี้


แต่ว่าเขาลืมไป..


ไนท์วิงไม่เคยปกป้องตัวเองเลย..


ดิ๊คยังคงปกป้องเขา..


จนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิตตัวเอง..




เจสันมองสถานที่ตรงหน้า เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะผลักบานรั้วซี่กรงเหล็กที่ถูกเปิดแง้มไว้ เสียงเอี๊ยดอ๊าดน่ารำคาญดังขึ้นแสดงถึงความละเลยในการดูแลเอาใจใส่มัน แต่เขาก็คร้านจะใส่ใจ


ชายหนุ่มเดินเข้าไป ขายาวก้าวอย่างแน่วแน่ ไม่มีการเปลี่ยนเส้นทาง ไม่มีการลังเล..


เขายืนอยู่ตรงหน้าแท่นหินที่ปรากฏตัวอักษรที่ถูกสลักไว้ว่า


‘Dick Richard Grayson’


มันคือหลุมศพของคนรักของเขา..


ร่างสูงนั่งยองๆลงกับพื้นหญ้า วางดอกฟอร์เก็ตมีน็อทลงบนหน้าป้ายหิน


ความจริงร่างของดิ๊คควรถูกฝังไว้ที่คฤหาสน์เวย์น แต่เจ้าตัวขอไว้ว่าต้องการอยู่ที่บลัดเฮฟเว่น


เมืองที่ทำให้เขาได้เป็นฮีโร่อย่างเต็มตัว เมืองที่เขาดูแลมาตลอดหลายปี


โลงศพที่ถูกฝังไว้หลังคฤหาสน์เวย์นจึงเป็นเพียงโลงเปล่าๆ


“ไงดิ๊ค”


เจสันพูดออกมาเบาๆเหมือนรำพึงกับตัวเอง


“มันสวยดี ว่ามั้ย? เห็นแล้วนีกถึงนายเลยว่ะ”


ลมพัดแผ่วเบาเหมือนเป็นเสียงตอบรับ..
เจสันหัวเราะเยาะกับความคิดไร้ตรรกกะของตนเอง


“ฉัน- คิดถึงนาย” เขาโคลงหัวไปมา ลูบหลังท้ายทอยของตนเอง “ทุกคนคิดถึงนาย แต่ฉัน-”


เจสันถอนหายใจ เขาเอื้อมมือไปทาบลงบนป้ายหลุมศพ ไล้นิ้วตามตัวอักษรที่ถูกสลักไว้ ดวงตาจดจ้องตาที่ปลายนิ้วมือขณะมันกำลังขยับตามตัวอักษร ก่อนรอยยิ้มบางเบาจะถูกแต้มอยูที่มุมปาก..


“นายรู้ดี ใช่มั้ยดิ๊คกี้เบิร์ด?”




ความมืดเข้าปกคลุมเมืองบลัดเฮฟเว่น เสียงการสนทนาของใครบางคนดังมาจากวิทยุสื่อสารบนโต๊ะกินข้าว


เจสันเร่งความดังเสียง เข้าทาบหูลงไปกับเครื่องเพื่อให้ได้ยินเสียงการสนทนานี้ชัดยิ่งขึ้น


“มี.. ก- ปล้นเกิด ที่ ธนาคา-ร บลั- เฮฟเว่น” เสียงคลื่นแทรกดังขึ้นเป็นระยะ
ชายหนุมจิ๊ปากอย่างไม่พอใจก่อนจะพยายามจับใจความเท่าที่ทำได้
“คน ร้าย- ล่- ?”
“หนีได้ ไปทา-ง แยกตึกแฝ-ด”
หลังจากจบประโยคนั้นเครื่องวิทยุสื่อสารก็ถูกปิด เจสันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่มีชุดชุดหนึ่งแขวนไว้พร้อมกับกระบองเหล็กสองท่อน..


ชายหนุ่มมองมันก่อนจะเบนสายตาไปยังหมวกรูปร่างเหมือนหมวกกันน็อคสีแดง..


แต่เขาก็แค่มอง..


เพราะเจสันเลือกที่จะละทิ้งนาม เร้ดฮู้ด ไว้ด้านหลัง..


หลังจากการตายของ ดิ๊ค เกรย์สัน ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด บลัดเฮฟเว่นต้องการไนท์วิง และครอบครัวค้างคาวก็ตกอยู่ในความทุกข์จนทุกคนแทบไม่มีกะจิตกะใจในการเฟ้นหาตัวไนท์วิงคนต่อไป


และเขาก็ตัดสินใจ..


เจสันตัดสินใจเป็นไนท์วิง..


“รู้มั้ยดิ๊ค..” เขาพูดกับตัวเองเบาๆขณะหยิบชุดรัดรูปตัวนั้นขึ้นมา “แต่ก่อน- ตอนฉันเป็นโรบิ้น”


มือทั้งสองข้างเลิกเสื้อยืดของตนเองขึ้นก่อนจะถอดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี รูดซิปกางเกงยีนส์ขายาวออกก่อนจะสะบัดมันทิ้ง “ฉันฝันจะใส่ชุดนี้ แทนที่นาย เป็นแบบนาย” ก่อนที่เขาจะสวมชุดนั้น


เจสันมองเงาของตนเอง เงาของเขาที่อยู่ในชุดของไนท์วิง “แต่ตอนนี้.. ฉันอยากให้นายกลับมา ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไป”


“..ฉันรู้มันไม่มีทางเป็นไปได้”


เขาเอื้อมมือไปหยิบกระบองเล่นสองท่อนมาคาดไว้ด้านหลัง


“และสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้ในตอนนี้คือการปกป้องเมืองของนาย..”


หน้ากากสีดำถูกสวมทับเข้ากับใบหน้า เจสันยังคงยืนมองเงาของตัวเองในชุดของคนรักเต็มยศ


สีฟ้ามันช่างไม่เข้ากับเขาเอาเสียเลย..


แต่ว่า..


มันก็สำคัญเกินกว่าที่จะทิ้งได้..


“ตอบแทนที่นายปกป้องฉันมาตลอด..”


เขาหันหลังกลับ เดินไปยังหน้าต่างก่อนจะเปิดมันออก
เสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้นไม่ไกลนัก ก่อนที่ลวดสลิงจะถูกยิงไปตึกอีกฟาก
เจสันหันกลับมามองหมวกสีแดงของเขาอีกครั้งแต่สุดท้ายเขาก็โหนตัวออกจากหน้าต่าง
ร่างสูงหายไปพร้อมกับความมืดที่เข้าปกคลุมเมืองบลัดเฮฟเว่น..


นามของเร้ดฮู้ดหายไปพร้อมกับนามของไนท์วิงที่กลับมาอีกครั้ง..


จะไม่มีใครเห็นชายใส่หมวกสีแดงขี่มอเตอร์ไซด์พร้อมกับปืนในมือเพื่ออกปราบปรามอาชญากรอีกต่อไป


จะมีเพียงไนท์วิง.. มีเพียงแค่ไนท์วิงเท่านั้น..


เจสัน ทอดด์ ได้ตัดสินใจไว้แล้ว..


END


……………………………………….
ดราม่าาาาา เราชอบบบ คือทุกคนส่งไรที่กระชุ่มกระชวยใจหมด มีเราคนเดียวแหวกดราม่าออกมา แต่คือไอดอลเนี่ย สิ่งแรกที่วิ่งเข้าหัวเลยคือเรื่องนี้จริงๆ (ต่อมาก็เดเมี่ยนใส่กระโปรงฟูๆที่คิดว่าน่าจะไม่เวิร์ค ฮาาาาา)