Name: I don’t want it anymore
Paring: JayDick Dickjay
PG: 15+
Warning: Drama
Etc. : ดีซีรายปักษ์หัวข้อ Idol
(คุยกันก่อนอ่านเพื่อปรับความเข้าใจ บางคนอ่านแล้งแบบ เอ มันไอดอลไงว้า ไอดอลในความหมายของเราไม่ได้หมายถึงบุคคลที่เป็นนักร้องค่ะ เป็นบุคคลที่เรายกย่องเป็นแบบอย่าง บุคคลที่น่านับถือ ซึ่งในที่นี้ ดิ๊คก็คือไอดอลของเจสันนั่นเอง หวังว่าจะไม่ผิดนะ5555555555)
…………………………….
เขาสูดลมหายใจรับอากาศในเมืองบลัดเฮฟเว่นเข้าปอดเมื่อเปิดประตูออกมาเพื่อรับลมของเช้าวันใหม่
เจสันทักทายคุณนายแม่หม้ายแก่ข้างบ้านที่ชอบเอาพายบลูเบอร์รี่อบใหม่ๆมาให้เขาเสมอ
เสียงรถยนต์สัญจร เสียงของผู้คนตามทางเดิน ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มคุ้นเคยดีและมักพบในทุกๆวัน
ร้านขนมปังยังคงวุ่นวายดังเช่นทุกเช้า
ร้านขายผักสดที่ถูกบรรดาแม่บ้านรุม
ร้านขายปลาที่ส่งกลิ่นคุ้งคาวออกมา
แต่ร้านดอกไม้ในวันนี้โดดเด่นกว่าทุกวัน..
เพราะสีฟ้าของดอกไม้ที่บานสะพรั่งอยู่หน้าร้าน
สีฟ้าเข้มนี้ทำให้เจสันนึกถึงใครบางคน..
ชายหนุ่มหยุดยืนมอง ดวงตาสีฟ้ากระจ่างใสที่มักทอปะกรายตลอดเวลาฉายชัดในความทรงจำ
โดยที่ไม่รู้ตัว.. เจสันก็ยิ้มออกมาบางๆ
เขาก้าวขาเข้าไปในร้าน ทักทายคุณยายผู้ใจดีที่ส่งรอยยิ้มให้
“นี่มัน..เอ่อ-”
“ดอกฟอร์เก็ตมีน็อทจ้ะ” หญิงชราส่งรอยยิ้มให้ “มันสวยใช่มั้ยล่ะพ่อหนุ่ม สีฟ้าสดใสชวนมองแล้วสบายใจซะเหลือเกิน”
..ใช่
เจสันคิดในใจ
สีฟ้า..สีของใครบางคน.. สีที่เมื่อเขาพบเห็นแล้วมักอุ่นใจเสมอ..
“ขายช่อละเท่าไหร่ครับ?”
และเขาก็ตัดสินใจซื้อมัน ทั้งๆที่นิสัยจำพวกชื่นชอบของหยุมหยิมเปราะบางแบบดอกไม้ไม่ใช่อะไรที่เขาเป็น
แต่ว่า..สีฟ้านั้นพิเศษ..
อาจพิเศษกว่าสีแดง..
“ฉันไม่ขายหรอกจ้ะ” เธอพูดอย่างลำบากใจ “ขอโทษทีนะพ่อหนุ่ม ฉันปลูกมันไว้เพื่อรำลึกถึงสามีน่ะ เขาเพิ่งเสียไปไม่นานนี้เอง สีฟ้าคือสีที่เขาชอบและมันจะทำให้ฉันไม่ลืมเขา”
เมื่อพูดถึงสามีของเธอ แววตาฝ้าฟางทอความเศร้าและอาลัยชัดเจนแต่รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้านั้นดูมีความสุขยามนึกถึงคนที่รัก
เจสันมองหญิงชราตรงหน้า เขาส่ายหัวเบาๆ
“ไม่เป็นไร ผมเข้าใจเรื่องการสูญเสียดี..” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา “เสียใจจริงๆที่ทำให้คุณต้องพูดเรื่องนี้”
“โอ้ เธอไม่จำเป็นต้องเสียใจหรอก ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะพ่อหนุ่ม” หล่อนหัวเราะ “มันก็คงจะไม่เสียหายอะไรถ้าฉันจะแบ่งให้เธอซักช่อ”
“ไม่เป็นไรครั-”
“ฉันเห็นดวงตาของเธอนะ” ยังไม่ทันที่เจสันจะพูดจบ หญิงชราพูดตัดขึ้นมาก่อน เธอส่งยิ้มอบอุ่นให้คนตรงหน้า “เธอมองมัน และนึกถึงใครบางคน”
ชายหนุ่มเงียบ เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเค้นหัวเราะออกมา เจสันยกมือขึ้นมายีหัวตัวเองก่อนจะพยักหน้าเบาๆ
“ใช่ ผมกำลังนึกถึงใครบางคน”
….
เจสันก้มมองช่อดอกฟอร์เก็ตมีน็อทในมือของตนเองด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันจนบรรยายไม่ถูก
ชายหนุ่มจิ๊ริมฝีปาก แสดงออกถึงความรู้สึกไม่พอใจ เขาไม่รู้ว่าตัวเองไม่พอใจอะไรแต่เจสันแค่ไม่มีความสุขนักที่อยู่ในสภาวะอารมณ์แบบนี้
ยิ่งมองดอกไม้ในมือความทรงจำต่างๆเกี่ยวกับคนๆนั้นก็ต่างประเคนเข้ามาและวนเวียนอยู่ในหัวสมองเหมือนวิดีโอม้วนเดิมที่ถูกฉายอีกครั้ง..
….
ดิ๊ค ริชาร์ด เกรย์สัน
ชายผู้ที่หลายคนยกย่องและนับถือ ชายที่พร้อมจะช่วยเหลือทุกคนเมื่อมีโอกาส ชายที่เปรียบเสมือนปีกของเขา ปีกที่คอยห่อหุ้มเขาไว้เพื่อปกป้อง..
เจสันเจอดิ๊คครั้งแรกเมื่อเขายังคงเป็นเพียงเด็กชาย และอีกฝ่ายก็ยังคงเป็นเพียงเด็กชายเช่นกัน
แต่ตอนนั้นเขารู้จักอีกฝ่ายในนามของโรบิ้น..
บอยวันเดอร์คนแรกของแบทแมน..
เด็กชายผู้เป็นเหมือนเงาของอัศวินแห่งเมืองก็อตแธม
เสียงหัวเราะสดใสดังขึ้นเมื่อเงาเล็กพาดผ่านลงบนพื้นดิน
ร่างของเด็กชายโหนไปมาระหว่างตึกติดตามบุรุษรัตติกาล
เด็กชายผู้มหัศจรรย์..
เมื่อเขายังเป็นเด็ก เจสันมองร่างสองร่างนั้นจากหน้าต่างห้องนอน
เขาชื่นชมโรบิ้น เขาอยากเป็นอย่างโรบิ้น และโรบิ้นคือบุคคลที่เขาสามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าคือไอดอลของเขา..
ครั้งที่สองที่เขาได้พบกัน คือครั้งเมื่อเขาได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเวย์น ความลับเกี่ยวกับแบทแมนทั้งหมดถูกเปิดเผยให้เขารู้ ทั้งเรื่องของบรูซ เวย์นและโรบิ้นคนนั้น..
เจสันไม่เข้าใจ ดิ๊คไม่โกรธเขา ไม่ได้รู้สึกเหมือนเขาเป็นส่วนเกินแตกต่างจากที่เขารู้สึกต่อทิมครั้งแรก
เด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างสายเลือดดูแลเขาราวกับว่าเป็นน้องชายที่ออกมาจากท้องแม่คนเดียวกัน และความนับถือของเจสันที่มีต่อดิ๊คก็ยังไม่เสื่อมคลาย อาจมากขึ้นเรื่อยๆด้วยซ้ำไป
เจสันอยากเป็นแบบดิ๊ค เขาอยากยืนอยู่ในจุดที่ดิ๊คเป็นอยู่..
เขาในตอนนั้นที่ยังเป็นเพียงเด็กชาย กลัวว่าถ้าอีกฝ่ายรู้ความคิดของตนเอง ผลกระทบตามมาอาจจะเป็นความสัมพันธ์ที่ขาดสะบั้นเพราะความโกรธ
ใครจะไม่โกรธกันล่ะเมื่อรู้ว่ามีคนๆนึงจ้องจะเอาจุดยืนของตนเองไป
แต่ตอนที่เจสันได้เป็นโรบิ้น..และโรบิ้นคนเก่าคนนั้นก็กลายเป็นไนท์วิง บุรุษผู้เป็นฮีโร่แห่งเมืองบลัดเฮฟเว่น
ดิ๊คไม่ได้ทำท่าทีเหมือนเขามาแทนที่ตนเอง กลับกันไนท์วิงมักพยายามปกป้องเขาเสมอ ดิ๊คเหมือนเป็นปีกที่ห่อหุ้มเขาไว้เพื่อป้องกันภัย
เจสันไม่เข้าใจ เขามั่นใจในความสามรถของตนเอง เขาอยุ่ในจุดที่ดิ๊คเคยยืนอยู่ เขาเป็นโรบิ้นเหมือนกับที่อีกฝ่ายเคยเป็น เจสันคิดว่าเขามีความสามารถเทียบเท่าอีกฝ่าย ดิ๊คน่าจะรู้ความสามารถของผู้ที่เป็นโรบิ้นดี เขาไม่เข้าใจและไม่ต้องการให้ดิ๊คมองเขาเป็นเด็กทั้งที่อายุห่างกันเพียงไม่กี่ปี
และอยากให้ดิ๊คไว้วางใจเขา..
เขามองแผ่นหลังขอไนท์วิง ความโลภก็วิ่งเข้าสู่จิตใจอีกครั้ง
ถ้าเขากลายเป็นไนท์วิงล่ะ..? เขายังจะถูกปกป้องอีกรึปล่าว?
...
“โรบิ้น!!” ร่างของเขาถูกกระแทกโดยแรงผลักจนเซ เด็กหนุ่มหันไปมอง พบกับไนท์วิงที่จับปลายแหลมของมีดที่กำลังพุ่งตรงมายังกลางหนาผากของตนเองไว้ และตรงจุดนั้นคือจุดที่เขาเคยยืน
เจสันกัดฟันกรอดก่อนจะหันไปชกศัตรูจนสุดแรง
เขาถูกปกป้องอีกแล้ว..
…
เสียงทะเลาะกันดังขึ้นภายในคฤหาสน์เวยน์
“นายไม่จำเป็นต้องเขามาขวาง!! ฉันหลบพ้น!” เจสันตะโกนดังลั่นใส่ผู้ที่มาเยือนห้องนอนเขาถึงที่
“ทำไมนายต้องคอยปกป้องฉันอยู่เรื่อย! ฉันดูแลตัวเองได้! ฉันเป็นโรบิ้นนะดิ๊ค!”
ร่างสูงถอนหายใจออกมา ดิ๊ค เกรย์สัน เสยผมของตัวเองขึ้น เดินตรงมายังเขาก่อนจะบีบไหล่เจสันเบาๆแต่สุดท้ายก็โดนปัดมือออก
“ฟังนะเจย์” ดวงตาสีฟ้าทอดมองมายังเขา ประกายข้างในฉายแววจริงจัง บังคับให้เขาจ้องมองมันอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่อยากเห็นนายเป็นอะไรไปเข้าใจมั้ย นายเป็นน้องชายฉั-”
“คำก็น้องชาย! สองคำก็น้องชาย!” เจสันตะโกนอีกครั้ง เขายกกำปั้นขึ้นมาทุบกลางอกตัวเอง “เราไม่ได้เป็นพี่น้องกันดิ๊ค! และที่สำคัญฉันดูแลตัวเองได้!”
“นายยังทำไม่ได้ ยังไม่ใช่ตอนนี้”
เจสันส่ายหัว เขาผลักไหล่อีกฝ่ายจนเซ
“ฉันทำได้! ฉันถูกฝึกมาเพื่อจะเป็นโรบิ้น! ฉันถูกฝึกมาโดยเขาเหมือนนาย!”
เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะตะเบ็งเสียงอย่างไม่กลัวว่าจะถูกพ่อบ้านประจำคฤหาสน์ต่อว่า “ฉันถูกฝึกมาโดยแบทแมน!!”
“แต่นายยังไม่พร้อม!” ดิ๊คตะโกนแข่งกับเขาเหมือนเส้นความอดทนถูกตัดขาดสะบั้น
“นายยังไม่ดีพอ!”
เจสันชะงักเมื่อประโยคนั้นจบลง..
เด็กหนุ่มเบิกตาขึ้นด้วยความตกใจ
และมันก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ..
เขากัดฟันเข้าหากันแน่นพยายามระงับตัวเองไม่ให้พุ่งหมัดใส่คนตรงหน้า
มือทั้งสองข้างกำแน่นจนปลายนิ้วค่อยๆซีดลง
ดิ๊คชะงัก เหมือนกับว่าเขาเพิ่งรู้ตัวว่าสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปมันร้ายกาจขนาดไหน
ชายหนุ่มก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายแต่เจสันถอยหนี
“เจย์- ฉันไม่-”
ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาจับใจเมื่อเห็นอากัปกิริยาของคนตรงหน้า
แววตาตัดพ้อของเจสันเหมือนเป็นมีดที่กำลังกรีดเขาเป็นรอยแผลยาว
“เจย์.. ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น- ฉันไม่- ฉั-”
เจสันส่ายหน้า เขาก้าวถอยหลังอีกครั้งเมื่อคนตรงหน้าก้าวเข้ามาหา
ความรู้สึกทุกอย่างคุกกรุ่นอยู่ในอก เจสันอยากปลดปล่อยมันออกมา อยากตะโกนว่าเขารู้สึกยังไงกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“ใช่..” ริมฝีปากขยับบางเบาก่อนจะเปล่งเสียงที่แหบแห้งจนน่าใจหายออกมา เจสันมองเขา มองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้า “ฉันยังไม่ดีพอ”
“เจย์.. ฉัน”
“นายพูดถูกดิ๊ค” เด็กหนุ่มก้มหน้าลงมองพรมที่ปูทับพื้นห้องนอนเหมือนกับว่ามันจะช่วยเขาหลุดพ้นสถานการณ์นี้ได้ “ฉันยังไม่ดีพอจริงๆ และคงไม่มีวันเป็นโรบิ้นที่ดีพอ..”
“เจสัน..”
“นายไปเถอะ” เจสันถอนหายใจ เขายกมือขึ้นมายีหัวตัวเองก่อนจะส่ายหัวเบาๆในขณะที่ยังคงก้มหน้ามองพื้นอยู่ “ฉันอยากพักผ่อน แม่งเป็นวันที่โคตรเหนื่อยเลย”
แต่สัมผัสจากมือของคนตรงหน้าที่ทาบลงมาบนแก้มเขาทำให้เจสันต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง
เขาเห็นลูกแก้วสีฟ้าคู่นั้นกำลังสื่ออะไรบางอย่าง
อะไรที่..
เจสันไม่เข้าใจ
“อะไร-?” เขาขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นอีกฝ่ายถอนหายใจออกมา และสิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ..
ดิ๊คจูบเขา
มันไม่ใช่จูบที่ลึกซึ้ง ไม่ได้รุกเร้าอะไร เพียงแค่แตะริมฝีปากลงบนริมฝีปากของกันและกัน
แต่นั่นมันก็มากเกินพอที่จะทำให้เจสันรู้สึกตื่นตระหนกได้ เขาไม่ได้ผลักหรือต่อยหน้าดิ๊ค แค่เพียงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกลั้นหายใจเท่านั้น
ร่างสูงผละริมฝีปากออก ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องมายังเขาอีกครา จ้องลึกเข้าไปจนเจสันอดไม่ได้ที่จะเบี่ยงสายตาหนี
“หวังว่านี่จะมากพอที่จะทำให้นายเข้าใจว่าทำไมฉันถึงต้องปกป้องนายเจสัน..”
ดิ๊คโคลงหัวไปมา เขามองแก้มที่ซับสีแดงจางๆของอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกหลากหลายที่ปะปนกันก่อนจะยกมือขึ้นเกลี่ยมันแผ่วเบา
สัมผัสจั๊กจี้เมื่อนิ้วโป้งของอีกฝ่ายละเลียดอยู่บนพวงแก้มเขามันมากพอที่ทำให้อยากจะหดคอหนี
แต่มันไม่มากเท่ากับความรู้สึกดีที่ประทุอยู่ในอก..
“ใช่ นายพูดถูก เราไม่ใช่พี่น้องกัน ความจริงแล้วฉันไม่ได้มองนายเป็นน้องชายด้วยซ้ำ” ดิ๊คหยุดมือ เขาค่อยๆชักมือกลับก่อนจะลูบนิ้วโป้งตัวเองแผ่วเบาเหมือนสิ่งที่เขาสัมผัสเมื่อครู่มีค่าขนาดต้องแตะต้องด้วยความถนุถนอม
“เพราะฉันรักนาย..”
และเรื่องราวในวันนั้นมันก็กลับตาลปัตรจากสิ่งที่มันควรจะกิดจนเจสันนึกว่าตัวเองฝันไป
แต่มันไม่ใช่ความฝัน
สัมผัสแผ่วเบาบนริมฝีปากและคำบอกรักนั้นคือของจริง..
แต่การกระทำของดิ๊ตกลับเหมือนปกติ
เจสันไม่เข้าใจ เขาไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับอีกฝ่ายซักนิด
เขารู้เพียงว่าเขาเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบอย่างและต้องการแทนที่ดิ๊ค ต้องการยืนอยู่ในจุดที่ดิ๊คยืน เข้ารู้เพียงแต่ความโลภของตนเอง
แต่ทำไมดิ๊คถึงยัง..
รักเขากัน
ชายหนุ่มไม่เคยพูดสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนอีก ต่างคนยังคงทำตัวปกติ ทำหน้าที่ของตนเองเต็มความสามารถ
แต่เจสันคิดว่าเขารู้อย่างหนึ่ง รู้เกี่ยวกับลูกแก้วสีฟ้าที่คอยมองมาทางเขาแทบตลอดเวลา รู้สึกถึงสิ่งที่มันกำลังสื่อ
รู้สึกว่า.. มันคือความรักและความห่วงใย
ดิ๊ค เกรย์สัน ก็ยังคงเป็นแบบนี้อยู่วันยังค่ำ..
พวกเขาออกลาดตระเวนด้วยกัน ทำทุกอย่างปกติจนเจสันอดแปลกใจไม่ได้
หลายวันที่ผ่านดิ๊คทำเหมือนกับเรื่องราวในคืนนั้นเป็นเพียงสิ่งที่เจสันคิดขึ้นมาเอง
เขามองไนท์วิงที่นั่งอยู่บนยอดยอดตึกข้างๆตนเอง
เขาคิดว่าดิ๊ครู้ แต่แค่ทำเป็นเมินเฉย
และความอดทนของเจสันก็สิ้นสุดลง
“นายต้องการอะไรกันแน่”
ไนท์วิงหันไปมองอีกฝ่าย ชายหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“นายหมายความว่ายังไง?”
เจสันจิ๊ริมฝีปาก นึกอยากเตะอีกฝ่ายให้ร่วงจากตึกดิ่งพสุธาไปหัวโหม่งพื้นแต่เขาก็ทำเพียงเปลี่ยนท่านั่งของตนเองเท่านั้น
“คืนนั้น คืนที่นายบอกว่ารักฉัน นายต้องการอะไร”
ดิ๊คดูประหลาดใจไม่น้อยกับคำถามนี้
ทุกอย่างตกอยุ่ในความเงียบ มีเพียงเสียงของเมืองก็อตแธมที่ดังเข้าโสตประสาทเตือนใจว่าพวกเขาไม่ได้อยู่กันเพียงสองคน
ชายหนุ่มถอนหายใจ ดิ๊คหันไปมองข้างหน้า มองอย่างไร้จุดหมาย
“ฉันแค่อยากบอกไปละมั้ง”
แต่นั่นไม่ใช่ความจริง
ดิ๊คคิดกับประโยคที่ปรุงแต่งขึ้นมาเอง ไม่ได้กลั่นกรองจากใจ
เขาไม่ได้แค่อยากบอก เขาอยากให้เจสันรับรู้ และตอบรับมัน
เขาอยากได้มากกว่านั้น..
ไนท์วิงเลียริมฝีปากตัวเองอย่างขัดข้องใจ
“แค่บอก?”
“อ่าห้ะ”
และเขาก็โกหกอีกแล้ว
“นายอยากแค่บอกจริงๆน่ะหรอ?” โรบิ้นหันหน้ามามองเขา แต่ดิ๊คยังคงหันไปมองข้างหน้า มีเพียงเสี้ยวหน้าครึ่งหนึ่งที่โผล่พ้นหน้ากากเท่านั้นที่เจสันมองเห็น
“นายไม่ได้- อยากให้ฉันตอบรับหรืออะไรหน่อยหรอ?”
อยาก..
“ไม่- ฉัน- ฉันไม่อยาก”
“ทำไม?”
ฉันกลัวนายจากฉันไป ฉันกลัวมันไม่เหมือนเดิม
“ฉันแค่ไม่อยากให้มันกระทบกับงาน”
เจสันเงียบ เงียบจนน่าใจหาย ดิ๊คหันไปมองเด็กหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นน้องชายต่างสายเลือดแต่อีกฝ่ายทำเพียงแค่นิ่ง ไม่มีอารมณ์ใดๆปรากฎบนใบหน้านั้นจนเขาชักหวั่นใจ
โรบิ้นพยักหน้า ทำเหมือนกับสิ่งที่พูดคุยกันเมื่อครู่เป็นเพียงเรื่องของอาหารในมื้อเย็น
“โอเค งาน” เด็กหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “งั้นเราไปทำงานของเราเถอะ ไนท์วิง”
และนั่นคือประโยคสุดท้ายที่ได้ยินจากปากเจสัน ก่อนที่โรบิ้นคนนั้นจะ..
..ตาย
และสิ่งสุดท้ายที่ดิ๊คพูดกับเจสันคือ.. คำโกหก..
…
เจสัน ทอดด์ กลับเข้าสู่ครอบครัวค้างคาวในนามของ เร้ดฮู้ด โดยละทิ้งชื่อ โรบิ้น ไว้ข้างหลัง
ทิ้งมันไว้เป็นเพียงความทรงจำในวัยเด็กพร้อมกับความทุกข์ที่เขาพยายามละทิ้งไป
ความจริงก็ไม่ได้ถึงกับเข้าร่วมเต็มตัว ความคิดเรื่องจัดการกับเหล่าอาชญากรของเขายังคงต่างกับแบทแมนมากนัก แต่เครื่องหมายบนกลางอกของชุดเขาก็บ่งบอกได้อย่างเด่นชัดว่า เร้ดฮู้ด เป็นคนของใคร
ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเขากลับมา มีโรบิ้นคนใหม่มาแทนที่ ทิม เดรค เจ้าเด็กเนิร์ดนั่น
แต่สุดท้ายทิมก็ออกจากก็อตแธมไปอยู่กับกลุ่มทีนส์ไททันในชื่อของ เร้ด โรบิน
และมี เดเมี่ยน เวยน์ ลูกชายโดยสายเลือดของแบทแมนที่ไม่ใช่เด็กอุปถัมภ์แบบพวกเขาเข้ามาแทนที่
ครอบครัวค้างคาวเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ น่าแปลกใจที่เขาไม่ได้รำคาญกับความวุ่นวายอะไรมากนัก เจสันออกจะ..
อุ่นใจ?
ถึงแม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแต่ยังมีบางคนที่เหมือนเดิมในความคิดของเขา..
ดิ๊ค เกรย์สัน
เขายังคงเป็นไนท์วิง ฮีโร่แห่งบลัดเฮฟเว่น
ยังคงเป็นพี่ชายผู้แสนดีที่คอยดูแลคนอื่นเมื่อบรูซไม่อยู่
ยังคงเป็นบุคคลที่ทุกคนต่างนับถือแม้กระทั่งเดเมี่ยน
และยังคง.. รักเขาเหมือนเดิม
อ่าห้ะ ดิ๊คยังรักเขา เจสันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าอะไรคือสิ่งที่ตรึงชายคนนั้นไว้กับความรู้สึกที่มีต่อเขาไว้แม้เวลาจะล่วงมาถึง 5 ปีแล้วก็ตาม..
เขาเคยถามดิ๊คว่าทำไม อีกฝ่ายตอบว่ามันคือความรู้สึกผิดที่ไม่อาจลบเลือนให้หายไปได้ พอๆกับความรู้สึกที่มีต่อเขาที่ยังตราตรึงอยู่เช่นเดิม
และเจสันก็หัวเราะเยาะเพราะมันโคตรน้ำเน่า
แต่สุดท้ายพวกเขาก็คบกัน..
ตลกดี เจสันคิดอย่างนั้น แต่มันก็เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่ทีความสุขที่สุดในชีวิตเขา
อีกอย่างนึงที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย คือการที่ ดิ๊ค เกรย์สันยังคงปกป้องเขาเช่นเดิม
เจสันไม่สงสัยในเหตุผลของการกระทำนี้อีกต่อไป เพราะคำตอบมันก็ชัดเจนเกินพอแล้ว
ทั้งสายตา ท่าทาง การกระทำแสนหวาน อ้อมกอดอบอุ่น รสจูบนั้น คำกระซิบบอกรัก..
ทุกอย่างมันเกินพอแล้ว..
“นายปกป้องฉันอีกแล้ว”
ดิ๊คยิ้มให้กับคำพูดนั้น เอนหัวซบลงไหล่อีกฝ่าย กุมมือหนาไว้แน่นเหมือนพอปล่อยแล้วเจสันจะหายไป..
เหมือนคราวนั้น..
“นายก็รู้คำตอบดี” ชายหนุ่มเงยหน้ามองใบหน้าคมคายของคนข้างกาย “ใช่มั้ย เจย์เบิร์ด”
เจสันหัวเราะ เขาก้มลงไปจูบริมฝีปากอีกฝ่ายแผ่วเบา ขยับริมฝีปากเปล่งคำพูดเสียงแผ่ว ปลายจมูกของทั้งสองจรดกัน เขามองเข้าไปในลูกแก้วสีฟ้าคู่นั้นที่สื่อความหมายบางอย่างแทนคำพูดที่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยออกมา
“ฉันรู้ดี..”
เขารู้ว่าไนท์วิงเก่งเพียงไหน เก่งขนาดมีอารมณ์มาพะวงเป็นห่วงเขาทั้งๆที่กำลังติดพันกับศัตรู และเร้ดฮู้ดก็ไว้ใจชายคนนี้
แต่ว่าเขาลืมไป..
ไนท์วิงไม่เคยปกป้องตัวเองเลย..
ดิ๊คยังคงปกป้องเขา..
จนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิตตัวเอง..
…
เจสันมองสถานที่ตรงหน้า เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะผลักบานรั้วซี่กรงเหล็กที่ถูกเปิดแง้มไว้ เสียงเอี๊ยดอ๊าดน่ารำคาญดังขึ้นแสดงถึงความละเลยในการดูแลเอาใจใส่มัน แต่เขาก็คร้านจะใส่ใจ
ชายหนุ่มเดินเข้าไป ขายาวก้าวอย่างแน่วแน่ ไม่มีการเปลี่ยนเส้นทาง ไม่มีการลังเล..
เขายืนอยู่ตรงหน้าแท่นหินที่ปรากฏตัวอักษรที่ถูกสลักไว้ว่า
‘Dick Richard Grayson’
มันคือหลุมศพของคนรักของเขา..
ร่างสูงนั่งยองๆลงกับพื้นหญ้า วางดอกฟอร์เก็ตมีน็อทลงบนหน้าป้ายหิน
ความจริงร่างของดิ๊คควรถูกฝังไว้ที่คฤหาสน์เวย์น แต่เจ้าตัวขอไว้ว่าต้องการอยู่ที่บลัดเฮฟเว่น
เมืองที่ทำให้เขาได้เป็นฮีโร่อย่างเต็มตัว เมืองที่เขาดูแลมาตลอดหลายปี
โลงศพที่ถูกฝังไว้หลังคฤหาสน์เวย์นจึงเป็นเพียงโลงเปล่าๆ
“ไงดิ๊ค”
เจสันพูดออกมาเบาๆเหมือนรำพึงกับตัวเอง
“มันสวยดี ว่ามั้ย? เห็นแล้วนีกถึงนายเลยว่ะ”
ลมพัดแผ่วเบาเหมือนเป็นเสียงตอบรับ..
เจสันหัวเราะเยาะกับความคิดไร้ตรรกกะของตนเอง
“ฉัน- คิดถึงนาย” เขาโคลงหัวไปมา ลูบหลังท้ายทอยของตนเอง “ทุกคนคิดถึงนาย แต่ฉัน-”
เจสันถอนหายใจ เขาเอื้อมมือไปทาบลงบนป้ายหลุมศพ ไล้นิ้วตามตัวอักษรที่ถูกสลักไว้ ดวงตาจดจ้องตาที่ปลายนิ้วมือขณะมันกำลังขยับตามตัวอักษร ก่อนรอยยิ้มบางเบาจะถูกแต้มอยูที่มุมปาก..
“นายรู้ดี ใช่มั้ยดิ๊คกี้เบิร์ด?”
…
ความมืดเข้าปกคลุมเมืองบลัดเฮฟเว่น เสียงการสนทนาของใครบางคนดังมาจากวิทยุสื่อสารบนโต๊ะกินข้าว
เจสันเร่งความดังเสียง เข้าทาบหูลงไปกับเครื่องเพื่อให้ได้ยินเสียงการสนทนานี้ชัดยิ่งขึ้น
“มี.. ก- ปล้นเกิด ที่ ธนาคา-ร บลั- เฮฟเว่น” เสียงคลื่นแทรกดังขึ้นเป็นระยะ
ชายหนุมจิ๊ปากอย่างไม่พอใจก่อนจะพยายามจับใจความเท่าที่ทำได้
“คน ร้าย- ล่- ?”
“หนีได้ ไปทา-ง แยกตึกแฝ-ด”
หลังจากจบประโยคนั้นเครื่องวิทยุสื่อสารก็ถูกปิด เจสันลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่มีชุดชุดหนึ่งแขวนไว้พร้อมกับกระบองเหล็กสองท่อน..
ชายหนุ่มมองมันก่อนจะเบนสายตาไปยังหมวกรูปร่างเหมือนหมวกกันน็อคสีแดง..
แต่เขาก็แค่มอง..
เพราะเจสันเลือกที่จะละทิ้งนาม เร้ดฮู้ด ไว้ด้านหลัง..
หลังจากการตายของ ดิ๊ค เกรย์สัน ทุกอย่างดูวุ่นวายไปหมด บลัดเฮฟเว่นต้องการไนท์วิง และครอบครัวค้างคาวก็ตกอยู่ในความทุกข์จนทุกคนแทบไม่มีกะจิตกะใจในการเฟ้นหาตัวไนท์วิงคนต่อไป
และเขาก็ตัดสินใจ..
เจสันตัดสินใจเป็นไนท์วิง..
“รู้มั้ยดิ๊ค..” เขาพูดกับตัวเองเบาๆขณะหยิบชุดรัดรูปตัวนั้นขึ้นมา “แต่ก่อน- ตอนฉันเป็นโรบิ้น”
มือทั้งสองข้างเลิกเสื้อยืดของตนเองขึ้นก่อนจะถอดมันทิ้งอย่างไม่ใยดี รูดซิปกางเกงยีนส์ขายาวออกก่อนจะสะบัดมันทิ้ง “ฉันฝันจะใส่ชุดนี้ แทนที่นาย เป็นแบบนาย” ก่อนที่เขาจะสวมชุดนั้น
เจสันมองเงาของตนเอง เงาของเขาที่อยู่ในชุดของไนท์วิง “แต่ตอนนี้.. ฉันอยากให้นายกลับมา ฉันไม่ต้องการมันอีกต่อไป”
“..ฉันรู้มันไม่มีทางเป็นไปได้”
เขาเอื้อมมือไปหยิบกระบองเล่นสองท่อนมาคาดไว้ด้านหลัง
“และสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำได้ในตอนนี้คือการปกป้องเมืองของนาย..”
หน้ากากสีดำถูกสวมทับเข้ากับใบหน้า เจสันยังคงยืนมองเงาของตัวเองในชุดของคนรักเต็มยศ
สีฟ้ามันช่างไม่เข้ากับเขาเอาเสียเลย..
แต่ว่า..
มันก็สำคัญเกินกว่าที่จะทิ้งได้..
“ตอบแทนที่นายปกป้องฉันมาตลอด..”
เขาหันหลังกลับ เดินไปยังหน้าต่างก่อนจะเปิดมันออก
เสียงไซเรนของรถตำรวจดังขึ้นไม่ไกลนัก ก่อนที่ลวดสลิงจะถูกยิงไปตึกอีกฟาก
เจสันหันกลับมามองหมวกสีแดงของเขาอีกครั้งแต่สุดท้ายเขาก็โหนตัวออกจากหน้าต่าง
ร่างสูงหายไปพร้อมกับความมืดที่เข้าปกคลุมเมืองบลัดเฮฟเว่น..
นามของเร้ดฮู้ดหายไปพร้อมกับนามของไนท์วิงที่กลับมาอีกครั้ง..
จะไม่มีใครเห็นชายใส่หมวกสีแดงขี่มอเตอร์ไซด์พร้อมกับปืนในมือเพื่ออกปราบปรามอาชญากรอีกต่อไป
จะมีเพียงไนท์วิง.. มีเพียงแค่ไนท์วิงเท่านั้น..
เจสัน ทอดด์ ได้ตัดสินใจไว้แล้ว..
END
……………………………………….
ดราม่าาาาา เราชอบบบ คือทุกคนส่งไรที่กระชุ่มกระชวยใจหมด มีเราคนเดียวแหวกดราม่าออกมา แต่คือไอดอลเนี่ย สิ่งแรกที่วิ่งเข้าหัวเลยคือเรื่องนี้จริงๆ (ต่อมาก็เดเมี่ยนใส่กระโปรงฟูๆที่คิดว่าน่าจะไม่เวิร์ค ฮาาาาา)