Name: Boring
Paring: KonTim(Broken) JayTim
Etc: DC-รายปักษ์ หัวข้อ “บอกเลิกห้ามใช้คำว่าเลิก”
Warning *เนื้อหาอาจไม่เป๊ะตามอฟช.แค่เอามาอ้างอิงเฉยๆนะคะ มาม่านิดนึงพอชุ่มชื้นใจ*
………………………………………………..
คอนเนอร์คบกับเมแกนแต่เขาจูบทิม..
คอนเนอร์เดทกับเมแกนแต่เขารักที่จะอยู่กับทิม..
และคอนเนอร์รักทิมไม่ได้รักเมแกน..
แต่..
มันสายไปแล้ว
….
ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงนี้เริ่มจากความคึกคะนอง เขาสนใจในตัวโรบิ้น เขาหลงใหลในความลึบลับของอีกฝ่าย และเขาต้องการรู้จักตัวตนที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้นมากขึ้น
คอนเนอร์ถลำลึกกับความใคร่รู้นี้อย่างไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีเขาก็อยู่บนเตียงกับทิม เดรค ในสภาพที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่
และเกมบ้าๆนี่ก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากคืนนั้น คืนที่เขารู้ตัวว่าตนเองถลำลึกมากเพียงใด
มันมากเกินไปจนรั้งไม่อยู่ พวกเขาแอบนัดพบกัน จูบกัน มีเซ็กส์อย่างบ้าคลั่ง ทุกอย่างถูกปกปิดเป็นความลับจากทุกคนแม้กระทั่งแบทแมนและไนท์วิง
แน่นอนว่ารวมถึงเมแกนด้วย
เขาทำแบบนั้นกับทิมแต่เขายังคบกับเธอ
มันไม่ใช่เรื่องที่ดี ใช่ เขารู้ แต่สถานการณ์มันก็เป็นเหตุบังคับให้พวกเขาทั้งสองคนต้องเล่นเกมปกปิดความลับนี้ต่อไป
และบางอย่างที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้น..
เขารักทิม เดรค..
แต่ว่า..ในขณะที่ความรู้สึกของเขากำลังก่อขึ้นเกมนี้ก็ใกล้จบเต็มที..
และคอนเนอร์ก็พยายามยื้อเกมนี้สุดชีวิต..
แต่มันล้มเหลว
….
ทิมเบื่อกับเกมนี้เต็มทน เขาเบื่อกับความสัมพันธ์ที่ต้องปกปิด ความสัมพันธ์ที่เหมือนว่าตนเองเพ้อฝันไปอยู่ฝ่ายเดียว และเขาต้องการที่จะจบเกมนี้อย่างรวดเร็วมากที่สุด
แต่คอนเนอร์ก็พยายามรั้งเขาไว้ พวกเขามีเซ็กส์กันอีกครั้ง..
เสียงเนื้อกระทบกันหยาบโลนดังขึ้นภายในห้องนอนยามวิกาล
เสียงหอบหายใจดังประสานกัน และเสียงครวญครางที่ดังขึ้นเป็นระยะ
ริมฝีปากคอนเนอร์ทาบลงบนริมฝีปากเขา ชายหนุ่มยัดเยียดจูบให้ทิม ลิ้นร้อนหนาลุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก เสียงเฉอะแฉะดังขึ้นอย่างน่าอาย ขบกัดริมฝีปากเขาจนมันเห่อแดง
ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนเดิม รสจูบเดิม สัมผัสเดิม ไออุ่นจากร่างที่ตระกองกอดเขาเหมือนไม่อยากให้จากไปไหน สัมผัสที่ปรนเปรอเขา ทุกอย่างเหมือนเดิม
แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือตัวเขาเอง..
...
ดวงตาที่คอนเนอร์หลงรัก ภายในนั้น.. ประกายลุ่มหลงถูกแทนที่ด้วยความเบื่อหน่าย
ชายหนุ่มรู้.. เขาสัมผัสได้.. เขารู้ว่าเกมนี้ใกล้จบลงเร็วขนาดไหน
เพียงแค่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า รุ่งอรุณที่ทุกคนยินดีต้อนรับมาถึง เกมนี้ก็จบลง..
และทิมก็จะจากไป..
คอนเนอร์กอดร่างในอ้อมแขนแน่น สัมผัสร่างกายเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะจดจำมันไว้ จูบเรือนผมสีดำสนิท สูดลมหายใจเข้า ตราตรึงกลิ่นกายนี้เข้าไว้ในความทรงจำ
เขาต้องการแค่ตื่นมาแล้วยังพบทิมอยู่ในอ้อมแขน เขาต้องการแค่นั้นจริงๆ..
…
แสงแดดสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงรถยนต์สัญจรไปมา เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับทุกอย่างที่จบลง
คอนเนอร์นอนอยู่บนเตียง ตะแคงนอนมองข้างกายที่ว่างเปล่า ทิมทิ้งไว้เพียงไออุ่นบนผ้าปูที่นอนให้เขาหวนคำนึงถึงสิ่งที่ผ่านมา
โรบิ้นคนนั้นได้จากเขาไปแล้ว..
เสียงของเมืองที่วุ่นวายดังลอดผ่านช่องว่างอันน้อยนิดของหน้าต่างที่ถูกปิดสนิท แต่คอนเนอร์ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงสะอื้นของตนเอง
มือหนาขยำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันขาด ไออุ่นจากร่างที่เคยนอนอยู่ตรงนี้แล่นผ่านฝ่ามือเข้าไปบีบรัดหัวใจ
ความเจ็บปวดเกิดขึ้นตรงกลางอก เหมือนกับเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงหัวใจเขา
ความทรมานที่ไม่เคยสัมผัสมันหนักหน่วงเกินไป
หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาเหมือนพายุฝน คอนเนอร์กู่ร้อง เขาทรมาน เขาทนรับมันไม่ได้
..เขารักทิม
ความทรงจำในอดีตที่ใช้ร่วมกันพรั่งพรูเข้ามา คอนเนอร์ปิดดวงตาสีฟ้ากระจ่างของตัวเองลง แรงสะอื้นส่งผลให้แผ่นอกของเขาขยับจนตัวโยน ชายหนุ่มเอนหัวลงกับหมอน ปล่อยให้สมองทำงาน ปล่อยให้เขาเดินทางไปในห้วงความทรงจำหอมหวาน
เดินทางไปในตอนที่พวกเขายังไม่จบเกมนี้ เดินทางไปยังเวลาก่อนคืนที่ผ่านมา
เดินไปเมื่อช่วงเวลาที่โรบิ้นคนนั้นยังรักเขาอยู่..
….
เจสันกำลังสงสัย เหตุอะไรลิตเติ้ลเบิร์ดคนนี้ถึงมาซุกตัวอยู่ที่ห้องเขาตั้งแต่เช้า
ทิมนั่งอยู่บนโซฟา ใส่เสื้อของเจสัน ทำเหมือนกับว่าอยู่ในบ้านตนเอง ทุกอย่างในตัวน้องชายต่างสายเลือดเหมือนปกติ แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่..
เขาเห็นบางอย่างในตาของทิม..
“แกเป็นอะไร”
เจสันถามคำถามนี้เป็นครั้งที่ 15 แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม..
“เปล่านี่”
ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาก้าวขามาหาอีกฝ่ายที่นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา ใช้ไฟฟ้าบ้านเขาอย่างสิ้นเปลืองโดยการเปิดทีวีทิ้งไว้ทั้งๆที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง
“งั้นแกก็ออกไปจากบ้านฉันซะ”
ทิโมธี เดรค ตวัดสายตามองเขาทันทีที่ประโยคนั้นจบลง เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นจากโซฟาในสภาพอิดโรยก่อนจะยักไหล่
“ก็ได้”
และก็ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปจากห้องเขาในสภาพนั้นจริงๆ สภาพเสื้อยืดโคร่งๆกับกางเกงบ็อกเซอร์อวดเรียวขานั่น
เร้ดฮู้ดเอื้อมมือไปคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของอีกฝ่าย เขาชักหัวเสียกับคนตรงหน้าทั้งๆที่มันไม่ใช่กงการอะไรของเขาที่ต้องมาสนใจ
“แค่แกบอกฉันว่าเป็นอะไรก็จบ จะทำให้ยุ่งยากทำไม สภาพอย่างนี้โดนฉุดไปข่มขืนในตรอกฉันจะไม่แปลกใจเลย”
ดวงตาของทิมกลอกไปมาอย่างเบื่อหน่าย เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาจนไหล่ลู่ลงก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับนายหรอกเจสัน ปล่อยฉันเถอะ”
เจสันกัดฟันกรอด ขีดจำกัดความอดทนที่น้อยอยู่แล้วพังทลายลง เขากระชากคอเสื้อที่อีกฝ่ายสวมใส่ก่อนจะบังคับให้ใบหน้านั้นประจัญหน้ากับตัวเขาเอง
“แกบ้ารึไง!?” เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น “เข้ามาห้องฉันแต่เช้า มานั่งอมทุกข์แบบนี้บนโซฟาฉัน แล้วแกยังบอกว่าไม่เกี่ยวกับฉันอีกหรอ!?”
“โว้ว” ทิมร้องออกมา พยายามงัดมือของเจสันออก “นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย! มันไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้ด้วยซ้ำ!”
“แต่ฉัน-”
เจสันทำท่าเหมือนจะตะโกนประโยคนึงอัดหน้าเขา แต่ก็กล้ำกลืนลงไป..
ชายหนุ่มกลืนคำว่าเป็นห่วงลงไป..
“ฉัน?” คนโดนขยุ้มคอเสื้อเลิกคิ้วขึ้น “ฉันอะไร? นายทำไม?”
“ฉันเป็นพี่ชายแก”
เขาเค้นหัวเราะออกมา “นายไม่ได้เป็น”
“ฉันเป็น!” เจสันตะโกนขึ้นอีกครั้งจนอีกฝ่ายสะดุ้ง เขาจ้องหน้าทิม มองเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าอีกฝ่ายก่อนจะตัดสินใจปล่อยคอเสื้อยืดทิ้ง “เล่ามา” ชายหนุ่มถอนหายใจ
“เจสั-”
“แค่เล่ามา!”
ทิโมธีถอนหายใจออกมา เขาเสยผมยุ่งๆของตัวเอง “เรื่องมันยาวนะ”
“ฉันมีเวลาฟังทั้งวัน”
โรบินเบนสายตาไปมองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มหน่ายออกมา “เราคงไม่ยืนคุยกันหรอกใช่มั้ย”
“แน่นอน” ชายหนุ่มพยักหน้า
….
….
ผ่านมาสองวันแล้วตั้งแต่เขาได้ยินเรื่องราวของเกมบ้าๆนั้นที่เกิดขึ้นกับทิมและเด็กโคลน
แต่เจสันยังคงอึ้งไม่หายกับเรื่องราวที่อีกฝ่ายเล่ามา ชายหนุ่มทั้งตกใจและแค้นเคืองอย่างบอกไม่ถูก เขาประกาศว่าจะออกไปจัดการกับคอนเนอร์แต่ทิมทำเพียงแค่ส่ายหัว
‘อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย เจสัน ฉันขอร้อง’
เจสันรู้ว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาไม่จำเป็นต้องไปเต็ดตูดไอเด็กโคลนนั่นด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้สิ คงเพราะว่าในลึกๆแล้วทิมก็ยังคงเป็นน้องชายของเขาอย่างที่กล่าวมา
ชายหนุ่มถอดหมวกเร้ดฮู้ดออกหลังจากปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องพักตนเองหลังจากเสร็จภารกิจปราบปรามผู้ร้ายในแบบฉบับของเขา
แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นคนๆนึงที่แวะเวียนมาหาเขาเมื่อสองวันก่อนนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมเมื่อคราวนั้น
เจสันเลิกคิ้วขึ้นสูง ทิมมองเขาด้วยท่าทีเฉยเมยไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งบุกรุกบ้านคนอื่นมาหมาดๆเสียด้วยซ้ำ
“ไง”
“แกมาทำไมอีก”
เจ้าของบ้านขมวดคิ้วลง
ทิมทำเพียงยักไหล่ก่อนจะเอื้อมมือหยิบรีโมททีวีเพื่อปิดมัน
“ไม่มีไรหรอก ฉันแค่รู้สึกสบายใจน่ะ”
“สบายใจ?” เขาทวนคำพูดอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “เอาจริงดิ”
“อืม” ทิโมธีพยักหน้า “ไม่รู้สิ นายเป็นคนเดียวที่ฉันบอกเรื่องไอเกมเฮงซวยนี่แบบหมดเปลือกเลยรู้สึกโล่งมั้ง คือเอาจริงๆนะ” เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมา
เอนหัวกับพนักพิงแต่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับคู่สนทนา “ฉันรู้สึกอึดอัดโคตรเลย..”
“เอาง่ายๆ อยากมีคนไว้ระบายว่างั้น?” เจสันเค้นหัวเราะออกมา โถมน้ำหนักลงกับเบาะโซฟาจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด “ฉันเป็นตัวเลือกที่ดีแล้วจริงๆน่ะหรอ?”
“อื้อหึ สำหรับในตอนนี้”
โรบิ้นพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เจสันไม่ค่อยคุ้นเคย
END
…………………..
ชอบอะไรที่มันจบค้างๆแบบนี้จัง เผื่อใครงงนะคะ เหมือนความจริงแล้วทิมชอบคอนเนอร์ในตอนแรกเลยตัดสินใจลงร่วมเข้ากับความสัมพันธ์นี้ด้วย แต่เหมือนนานๆไปเขาเบื่อ เหมือนเป็นทิมคนเดียวที่พยายามรั้งคอนไว้ ในขณะที่ทิมเบื่อและต้องการให้เกมนี้จบลงความรู้สึกของคอนกลับเพิ่งก่อตัวขึ้นมา ส่วนเจสันเหมือนกลายเป็นที่พึ่งคนสุดท้ายของทิม ดิ๊คก็อยู่ในทีม เจสันผันตัวกลายเป็นเร้ดฮู้ด(ในฟิคนี้นะคะ) ไม่ค่อยเข้ายุ่งกับแบทแฟมทิมจึงเห็นเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะใช้พึ่งพา แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นในขณะที่คอนเนอร์กำลังจมอยู่กับความทุกข์เพราะการสูญเสียที่รักไป