วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Boring (Kontim Jaytim)



Name: Boring

Paring: KonTim(Broken) JayTim

Etc: DC-รายปักษ์ หัวข้อ “บอกเลิกห้ามใช้คำว่าเลิก”

Warning *เนื้อหาอาจไม่เป๊ะตามอฟช.แค่เอามาอ้างอิงเฉยๆนะคะ มาม่านิดนึงพอชุ่มชื้นใจ*
………………………………………………..

คอนเนอร์คบกับเมแกนแต่เขาจูบทิม..

คอนเนอร์เดทกับเมแกนแต่เขารักที่จะอยู่กับทิม..

และคอนเนอร์รักทิมไม่ได้รักเมแกน..

แต่..

มันสายไปแล้ว

….

ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงนี้เริ่มจากความคึกคะนอง เขาสนใจในตัวโรบิ้น เขาหลงใหลในความลึบลับของอีกฝ่าย และเขาต้องการรู้จักตัวตนที่แท้จริงภายใต้หน้ากากนั้นมากขึ้น

คอนเนอร์ถลำลึกกับความใคร่รู้นี้อย่างไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีเขาก็อยู่บนเตียงกับทิม เดรค ในสภาพที่ไม่ค่อยน่ามองเท่าไหร่

และเกมบ้าๆนี่ก็เริ่มต้นขึ้นหลังจากคืนนั้น คืนที่เขารู้ตัวว่าตนเองถลำลึกมากเพียงใด

มันมากเกินไปจนรั้งไม่อยู่ พวกเขาแอบนัดพบกัน จูบกัน มีเซ็กส์อย่างบ้าคลั่ง ทุกอย่างถูกปกปิดเป็นความลับจากทุกคนแม้กระทั่งแบทแมนและไนท์วิง

แน่นอนว่ารวมถึงเมแกนด้วย

เขาทำแบบนั้นกับทิมแต่เขายังคบกับเธอ

มันไม่ใช่เรื่องที่ดี ใช่ เขารู้ แต่สถานการณ์มันก็เป็นเหตุบังคับให้พวกเขาทั้งสองคนต้องเล่นเกมปกปิดความลับนี้ต่อไป

และบางอย่างที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้น..

เขารักทิม เดรค..

แต่ว่า..ในขณะที่ความรู้สึกของเขากำลังก่อขึ้นเกมนี้ก็ใกล้จบเต็มที..

และคอนเนอร์ก็พยายามยื้อเกมนี้สุดชีวิต..

แต่มันล้มเหลว

….

ทิมเบื่อกับเกมนี้เต็มทน เขาเบื่อกับความสัมพันธ์ที่ต้องปกปิด ความสัมพันธ์ที่เหมือนว่าตนเองเพ้อฝันไปอยู่ฝ่ายเดียว และเขาต้องการที่จะจบเกมนี้อย่างรวดเร็วมากที่สุด

แต่คอนเนอร์ก็พยายามรั้งเขาไว้ พวกเขามีเซ็กส์กันอีกครั้ง..

เสียงเนื้อกระทบกันหยาบโลนดังขึ้นภายในห้องนอนยามวิกาล

เสียงหอบหายใจดังประสานกัน และเสียงครวญครางที่ดังขึ้นเป็นระยะ

ริมฝีปากคอนเนอร์ทาบลงบนริมฝีปากเขา ชายหนุ่มยัดเยียดจูบให้ทิม ลิ้นร้อนหนาลุกล้ำเข้ามาในโพรงปาก เสียงเฉอะแฉะดังขึ้นอย่างน่าอาย ขบกัดริมฝีปากเขาจนมันเห่อแดง

ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเหมือนเดิม รสจูบเดิม สัมผัสเดิม ไออุ่นจากร่างที่ตระกองกอดเขาเหมือนไม่อยากให้จากไปไหน สัมผัสที่ปรนเปรอเขา ทุกอย่างเหมือนเดิม

แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคือตัวเขาเอง..

...

ดวงตาที่คอนเนอร์หลงรัก ภายในนั้น.. ประกายลุ่มหลงถูกแทนที่ด้วยความเบื่อหน่าย

ชายหนุ่มรู้.. เขาสัมผัสได้.. เขารู้ว่าเกมนี้ใกล้จบลงเร็วขนาดไหน
เพียงแค่ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า รุ่งอรุณที่ทุกคนยินดีต้อนรับมาถึง เกมนี้ก็จบลง..

และทิมก็จะจากไป..

คอนเนอร์กอดร่างในอ้อมแขนแน่น สัมผัสร่างกายเปลือยเปล่าของอีกฝ่ายเหมือนต้องการจะจดจำมันไว้ จูบเรือนผมสีดำสนิท สูดลมหายใจเข้า ตราตรึงกลิ่นกายนี้เข้าไว้ในความทรงจำ

เขาต้องการแค่ตื่นมาแล้วยังพบทิมอยู่ในอ้อมแขน เขาต้องการแค่นั้นจริงๆ..


แสงแดดสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง เสียงรถยนต์สัญจรไปมา เช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับทุกอย่างที่จบลง

คอนเนอร์นอนอยู่บนเตียง ตะแคงนอนมองข้างกายที่ว่างเปล่า ทิมทิ้งไว้เพียงไออุ่นบนผ้าปูที่นอนให้เขาหวนคำนึงถึงสิ่งที่ผ่านมา

โรบิ้นคนนั้นได้จากเขาไปแล้ว..

เสียงของเมืองที่วุ่นวายดังลอดผ่านช่องว่างอันน้อยนิดของหน้าต่างที่ถูกปิดสนิท แต่คอนเนอร์ไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงสะอื้นของตนเอง

มือหนาขยำผ้าปูที่นอนแน่นจนมันขาด ไออุ่นจากร่างที่เคยนอนอยู่ตรงนี้แล่นผ่านฝ่ามือเข้าไปบีบรัดหัวใจ

ความเจ็บปวดเกิดขึ้นตรงกลางอก เหมือนกับเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงหัวใจเขา
ความทรมานที่ไม่เคยสัมผัสมันหนักหน่วงเกินไป

หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาเหมือนพายุฝน คอนเนอร์กู่ร้อง เขาทรมาน เขาทนรับมันไม่ได้

..เขารักทิม

ความทรงจำในอดีตที่ใช้ร่วมกันพรั่งพรูเข้ามา คอนเนอร์ปิดดวงตาสีฟ้ากระจ่างของตัวเองลง แรงสะอื้นส่งผลให้แผ่นอกของเขาขยับจนตัวโยน ชายหนุ่มเอนหัวลงกับหมอน ปล่อยให้สมองทำงาน ปล่อยให้เขาเดินทางไปในห้วงความทรงจำหอมหวาน

เดินทางไปในตอนที่พวกเขายังไม่จบเกมนี้ เดินทางไปยังเวลาก่อนคืนที่ผ่านมา

เดินไปเมื่อช่วงเวลาที่โรบิ้นคนนั้นยังรักเขาอยู่..

….


เจสันกำลังสงสัย เหตุอะไรลิตเติ้ลเบิร์ดคนนี้ถึงมาซุกตัวอยู่ที่ห้องเขาตั้งแต่เช้า

ทิมนั่งอยู่บนโซฟา ใส่เสื้อของเจสัน ทำเหมือนกับว่าอยู่ในบ้านตนเอง ทุกอย่างในตัวน้องชายต่างสายเลือดเหมือนปกติ แต่เขารู้ว่ามันไม่ใช่..

เขาเห็นบางอย่างในตาของทิม..

“แกเป็นอะไร”

เจสันถามคำถามนี้เป็นครั้งที่ 15 แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม..

“เปล่านี่”

ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาก้าวขามาหาอีกฝ่ายที่นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟา ใช้ไฟฟ้าบ้านเขาอย่างสิ้นเปลืองโดยการเปิดทีวีทิ้งไว้ทั้งๆที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง

“งั้นแกก็ออกไปจากบ้านฉันซะ”

ทิโมธี เดรค ตวัดสายตามองเขาทันทีที่ประโยคนั้นจบลง เด็กหนุ่มยันตัวขึ้นจากโซฟาในสภาพอิดโรยก่อนจะยักไหล่

“ก็ได้”

และก็ทำท่าเหมือนจะเดินออกไปจากห้องเขาในสภาพนั้นจริงๆ สภาพเสื้อยืดโคร่งๆกับกางเกงบ็อกเซอร์อวดเรียวขานั่น

เร้ดฮู้ดเอื้อมมือไปคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของอีกฝ่าย เขาชักหัวเสียกับคนตรงหน้าทั้งๆที่มันไม่ใช่กงการอะไรของเขาที่ต้องมาสนใจ

“แค่แกบอกฉันว่าเป็นอะไรก็จบ จะทำให้ยุ่งยากทำไม สภาพอย่างนี้โดนฉุดไปข่มขืนในตรอกฉันจะไม่แปลกใจเลย”

ดวงตาของทิมกลอกไปมาอย่างเบื่อหน่าย เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาจนไหล่ลู่ลงก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับนายหรอกเจสัน ปล่อยฉันเถอะ”

เจสันกัดฟันกรอด ขีดจำกัดความอดทนที่น้อยอยู่แล้วพังทลายลง เขากระชากคอเสื้อที่อีกฝ่ายสวมใส่ก่อนจะบังคับให้ใบหน้านั้นประจัญหน้ากับตัวเขาเอง

“แกบ้ารึไง!?” เขาจ้องเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น “เข้ามาห้องฉันแต่เช้า มานั่งอมทุกข์แบบนี้บนโซฟาฉัน แล้วแกยังบอกว่าไม่เกี่ยวกับฉันอีกหรอ!?”

“โว้ว” ทิมร้องออกมา พยายามงัดมือของเจสันออก “นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย! มันไม่ใช่เรื่องที่นายต้องรู้ด้วยซ้ำ!”

“แต่ฉัน-”
เจสันทำท่าเหมือนจะตะโกนประโยคนึงอัดหน้าเขา แต่ก็กล้ำกลืนลงไป..

ชายหนุ่มกลืนคำว่าเป็นห่วงลงไป..

“ฉัน?” คนโดนขยุ้มคอเสื้อเลิกคิ้วขึ้น “ฉันอะไร? นายทำไม?”

“ฉันเป็นพี่ชายแก”

เขาเค้นหัวเราะออกมา “นายไม่ได้เป็น”

“ฉันเป็น!” เจสันตะโกนขึ้นอีกครั้งจนอีกฝ่ายสะดุ้ง เขาจ้องหน้าทิม มองเห็นความประหลาดใจบนใบหน้าอีกฝ่ายก่อนจะตัดสินใจปล่อยคอเสื้อยืดทิ้ง “เล่ามา” ชายหนุ่มถอนหายใจ

“เจสั-”

“แค่เล่ามา!”

ทิโมธีถอนหายใจออกมา เขาเสยผมยุ่งๆของตัวเอง “เรื่องมันยาวนะ”

“ฉันมีเวลาฟังทั้งวัน”

โรบินเบนสายตาไปมองอีกฝ่ายก่อนจะยิ้มหน่ายออกมา “เราคงไม่ยืนคุยกันหรอกใช่มั้ย”

“แน่นอน” ชายหนุ่มพยักหน้า

….


ผ่านมาสองวันแล้วตั้งแต่เขาได้ยินเรื่องราวของเกมบ้าๆนั้นที่เกิดขึ้นกับทิมและเด็กโคลน

แต่เจสันยังคงอึ้งไม่หายกับเรื่องราวที่อีกฝ่ายเล่ามา ชายหนุ่มทั้งตกใจและแค้นเคืองอย่างบอกไม่ถูก เขาประกาศว่าจะออกไปจัดการกับคอนเนอร์แต่ทิมทำเพียงแค่ส่ายหัว

‘อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย เจสัน ฉันขอร้อง’

เจสันรู้ว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขาไม่จำเป็นต้องไปเต็ดตูดไอเด็กโคลนนั่นด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้สิ คงเพราะว่าในลึกๆแล้วทิมก็ยังคงเป็นน้องชายของเขาอย่างที่กล่าวมา

ชายหนุ่มถอดหมวกเร้ดฮู้ดออกหลังจากปีนหน้าต่างเข้ามาในห้องพักตนเองหลังจากเสร็จภารกิจปราบปรามผู้ร้ายในแบบฉบับของเขา

แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นคนๆนึงที่แวะเวียนมาหาเขาเมื่อสองวันก่อนนั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมเมื่อคราวนั้น

เจสันเลิกคิ้วขึ้นสูง ทิมมองเขาด้วยท่าทีเฉยเมยไม่เหมือนกับคนที่เพิ่งบุกรุกบ้านคนอื่นมาหมาดๆเสียด้วยซ้ำ

“ไง”

“แกมาทำไมอีก”

เจ้าของบ้านขมวดคิ้วลง
ทิมทำเพียงยักไหล่ก่อนจะเอื้อมมือหยิบรีโมททีวีเพื่อปิดมัน

“ไม่มีไรหรอก ฉันแค่รู้สึกสบายใจน่ะ”

“สบายใจ?” เขาทวนคำพูดอีกฝ่ายด้วยความประหลาดใจ “เอาจริงดิ”

“อืม” ทิโมธีพยักหน้า “ไม่รู้สิ นายเป็นคนเดียวที่ฉันบอกเรื่องไอเกมเฮงซวยนี่แบบหมดเปลือกเลยรู้สึกโล่งมั้ง คือเอาจริงๆนะ” เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมา
เอนหัวกับพนักพิงแต่สายตายังคงจดจ่ออยู่กับคู่สนทนา “ฉันรู้สึกอึดอัดโคตรเลย..”

“เอาง่ายๆ อยากมีคนไว้ระบายว่างั้น?” เจสันเค้นหัวเราะออกมา โถมน้ำหนักลงกับเบาะโซฟาจนเกิดเสียงเอี๊ยดอ๊าด “ฉันเป็นตัวเลือกที่ดีแล้วจริงๆน่ะหรอ?”

“อื้อหึ สำหรับในตอนนี้”

โรบิ้นพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เจสันไม่ค่อยคุ้นเคย

END
…………………..
ชอบอะไรที่มันจบค้างๆแบบนี้จัง เผื่อใครงงนะคะ เหมือนความจริงแล้วทิมชอบคอนเนอร์ในตอนแรกเลยตัดสินใจลงร่วมเข้ากับความสัมพันธ์นี้ด้วย แต่เหมือนนานๆไปเขาเบื่อ เหมือนเป็นทิมคนเดียวที่พยายามรั้งคอนไว้ ในขณะที่ทิมเบื่อและต้องการให้เกมนี้จบลงความรู้สึกของคอนกลับเพิ่งก่อตัวขึ้นมา ส่วนเจสันเหมือนกลายเป็นที่พึ่งคนสุดท้ายของทิม ดิ๊คก็อยู่ในทีม เจสันผันตัวกลายเป็นเร้ดฮู้ด(ในฟิคนี้นะคะ) ไม่ค่อยเข้ายุ่งกับแบทแฟมทิมจึงเห็นเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะใช้พึ่งพา แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาขึ้นในขณะที่คอนเนอร์กำลังจมอยู่กับความทุกข์เพราะการสูญเสียที่รักไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น